:::     :::

"จอห์น บาจโจ้" บุรุษแห่งค้างคาวไฟ

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
621
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้อนกลับไปในปี 2015 ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตประธานสโมสร สุโขทัย เอฟซี ได้ไปเห็นดาวเตะมะขามข้อเดียวแต่รสชาติจัดจ้านจากมาดากัสการ์ ที่เดินทางไกลมาคัดตัวกับ การท่าเรือ เอฟซี ในนัดอุ่นเครื่องกับ ราชบุรี เอฟซี ซึ่งหลังเกมนั้น เขาเป็นคนบอกกับ "คสช" สมชาย มากมูล กุนซือใหญ่ "ค้างคาวไฟ" ณ โมงยามนั้นว่าจะต้องเอามาร่วมทีมให้ได้

เนื่องจากประทับใจในความจี๊ดจ๊าดที่จะเข้ามาช่วยสร้างสีสันในเกมรุกให้ทีมไดเ และนี่คือปฐมบทของ "จอห์น บาจโจ้" ในการก้าวมาค้าแข้งวงการฟุตบอลลีกของเมืองไทย จนสร้างประวัตศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทัพ "ค้างคาวไฟ" ช่วยทีมได้เลื่อนชั้นไปเล่นลีกสูงสุดของเมืองไทยได้ในซีซั่น 2016 ทันที 

ฤดูกาลถัดมามีการตัดจบของฟุตบอลทุกรายการในเมืองไทย ต้องใช้การจับสลากแชมป์ร่วม เอฟเอ คัพ อย่าง สุโขทัย  เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, ราชบุรี เอฟซี และชลบุรี เอฟซี เพื่อหาโควตาหนึ่งเดียวไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017 รอบเพลย์ออฟ ปรากฏว่าหวยมาออกที่ยอดทีมแห่งทุ่งทะเลหลวง ซึ่งดวงเฮงสุดได้ไปเตะรายการนี้เป็นครั้งแรก


บาจโจ้ ที่ตอนนั้นเป็นตัวหลักกับทีมไปแล้ว พาทีมเล่นเกมแรก เปิดบ้านถล่ม ยาดานาร์บอน จากเมียนมา ขาดลอย 5-0 ก่อนออกไปปราชัย เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ถึง 0-5 ซึ่งตอนนั้นทีมมหาเศรษฐีของจีนเพิ่งได้ ออสการ์ มาจากเชลซี ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 67 ล้านปอนด์ พร้อมค่าเหนื่อย 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ มาผนึกกำลังร่วมกับ ฮัล์ค ดาวยิงแซมบ้า 

อย่างไรก็ตาม บาจโจ้ ก็ยังมีผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมเป็นผู้เล่นต่างชาติแถวหน้าของไทยลีกมาตลอด กระทั่งซีซั่น 2019 ทีมพลาดท่าร่วงตกชั้น ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายใหม่กับ การท่าเรือ เอฟซี นับเป็นการปิดตำนานในการลงเล่นให้กับ "ค้างคาวไฟ" ทั้งหมด 151 นัด ยิงไป 48 ประตู และทำ 54 แอสซิสต์ และหากนับรวมทุกรายการกับ "ค้างคาวไฟ" เขาลงสนามไปทั้งหมด 159 นัด ยิง 48 ลูก กับ 55 แอสซิสต์


ทว่าการไปร่วมทีม การท่าเรือ เอฟซี เพื่อลุยถ้วยระดับสโมสรเอเชียครั้งประวัติศาสตร์อย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่ม เขาถูกจับไปเล่นกองหน้าตัวเป้า ทั้งๆที่มีความสูงเพียง 158 ซม. ซึ่งน้อยกว่านักเตะทุกคนในทุกรายการที่ลงเตะ 

การกระชากลากเลื้อยบอล และเลี้ยงกินตัวฝ่าแนวรับเข้าไปจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้ายให้กับเพื่อนร่วมทีม ก็ไม่ได้เด็ดดวงเหมือนสมัยอยู่กับ "ค้างคาวไฟ" ที่มีทีเด็ดในการเล่นเกมโต้กลับมากกว่าทีมใหญ่อย่าง "สิงห์เจ้าท่า" กระทั่งทีมตกรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมกับมีการเปลี่ยนกุนซือคนใหม่มาเป็น “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน

นั่นเป็นการไม่ได้ไปต่อของ แนวรุกมาดากัสการ์ เพราะเขาถูกตัดชื่อออกจากโควตาต่างชาติลุยไทยลีกช่วงเลกแรก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกคว้าตัวมาเพื่อเป็นกำลังหลัก กระทั่งหมดสัญญากับทีมในเดือน พ.ย.2021 ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปดูแลลูกน้อยที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกที่ประเทศฝรั่งเศส


ไม่เพียงกลับไปดูแลครอบครัว แต่เขายังรักษาสภาพความฟิตของตัวเองด้วยการเซ็นร่วมทีมระดับลีกล่างของแดนน้ำหอม เพื่อลงเล่นอย่างสม่ำเสมอไม่ให้เกิดการร้างสนาม จากนั้นมาถึงซีซั่น 2022/23 สุโขทัย เอฟซี เลื่อนชั้นกลับมาเล่นลีกสูงสุด ทีมเลือกจะมาเจรจากับเขาก่อนเปิดเลกสอง ทำให้ได้กลับมาร่วมงานกันที่นี่อีกรอบ

หนนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับอดีตห้องเครื่องของทีมที่ช่วยพาเลื่อนชั้นมาไทยลีก ปี 2016 อย่าง "แกะ” เลอสันต์ เทียมราช หลังแยกทางกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี 


แม้ บาจโจ้ จะอยู่ในระดับขึ้นหิ้งเป็นตำนานของทีม แต่ก็มีข้อสงสัยจากแฟนบอลบางส่วนว่า สภาพร่างกายของเขาที่ห่างเกมระดับสูงมานานจะไหวหรือไม่กับการกลับมาเล่นในในไทยลีกทันที

กระทั่ง ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ได้พูดถึงดีลการดึงดาวเตะร่างเล็กรายนี้ กลับเข้าสู่อ้อมอกว่า "หลังกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ และผ่านเลกแรกมาแล้ว กระแสของแฟนบอลเรียกร้องอยากให้ บาจโจ้ ซึ่งเป็นขวัญในของคนจังหวัดกลับมาร่วมทีม ทางทีมบริหารได้พูดคุยกับ เดนนิส อมาโต้ เฮดโค้ชของทีม เพื่อร่วมหาตัวผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพ โดยเฉพาะเกมรุก" 


"ขณะเดียวกัน บาจโจ้ ที่ไปค้าแข้งในลีกของประเทศฝรั่งเศส ยังปรารถนาที่จะกลับมาเล่นไทยลีก ทำให้มีความลงตัว เชื่อว่าในเลกสองทีมจะมีเกมรุกที่มีสีสรรค์ และสร้างผลงานให้เป็นที่ถูกใจของแฟนบอลมากยิ่งขึ้น จากที่เลกแรกทีมทำผลงานได้ดี แต่ยังไม่พอเพียงเพราะเสียประตูค่อยข้างเยอะ ดังนั้นเลกสองเมื่อได้ตัวจี๊ดมาเสริมแนวรุก จะทำให้ทีมตามเก็บแต้มคืนจากที่เคยเสียไปในเลกแรก กลับมาให้ได้"

หลังกลับมาอยู่กับ สุโขทัย เอฟซี เขาเองก็ซ้อมเข้มข้นแบบเต็มสูบเหมือนเดิม ดูแลร่างกายดีเยี่ยม แม้ช่วงแรกจะดูติดๆ ขัดๆ ไปบ้าง แต่เมื่อทุกอย่างลงล็อกเหมาะเจาะ มันก็เหมือนเป็นการคัมแบ็คของ “เจ้าชายค้างคาวไฟ” อย่างแท้จริง หลังจากผ่านไป 7 เกม เขาทำไปแล้ว 3 ประตู ในไทยลีก 2022/23 


3 ลูกดังกล่าว ทำให้เขากดไปแล้วให้กับทีม 51 ประตู เป็นคนแรกที่ซัดเกิน 50 เม็ดในประวัติศาสตร์ของสโมสร รวมทั้งยังเก็บไปได้ 1 แอสซิสต์เสียด้วย ทำให้แฟนบอล “ค้างคาวไฟ” รู้สึกมั่นใจขึ้นว่านี่คือดีลที่ยอดเยี่ยมของทีม ด้วยการเล่นที่ทุ่มเทตลอด 90 นาที วิ่งแบบลืมตายถวายหัว ตามแบบฉบับของดาวเตะวัย 31 ปีรายนี้  

“จอห์น บาจโจ้” คนเดิม คนที่เคยเล่นให้กับทีมตั้งแต่ปี 2015-2019 ได้กลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้ง และจะเป็นคีย์แมนสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมรอดพ้นจากการตกชั้นแน่นอน 

ด้วยฟอร์มแบบนี้ แฟนบอล “ค้างคาวไฟ” คงจะมีโอกาสไม่น้อยที่จะเห็นเขาเล่นในถิ่นทะเลหลวงในฤดูกาลหน้าอีกด้วย 

เพราะดูแล้วเขายังสามารถเป็นแกนหลักและเป็นที่รักของสโมสรแห่งนี้ไปได้อีกยาวนาน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})