:::     :::

ล้มแล้วลุกทันที

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากอกหักตกรอบยูโรปา ลีก คาบ้านตัวเอง อาร์เซน่อล แก้ตัวกลับมาชนะสวยงามในลีกก่อนพักเบรกทีมชาติ

มิเกล อาร์เตต้า กลับมาใช้งานชุดที่ดีสุดดีสุดอีกครั้งกับเป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่กับการลุ้นแชมป์ลีก

ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ใช้งาน วิลเลี่ยม ซาลีบา จับคู่กับ กาเบรียล มากัลเญซ มาตลอด 27 นัดแรก ต้องเปลี่ยนเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้เนื่องจาก ซาลีบา เจ็บจากเกมยุโรป ร็อบ โฮลดิ้ง จึงได้เล่นแทน

ขณะที่ตัวหลักที่เป็นสำรองในเกมยูโรปาต่างคืนตัวจริงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เบน ไวท์, โธมัส ปาร์เตย์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ บูคาโย่ ซาก้า รวมถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ยึดตำแหน่งหน้าเป้าอีกนัด แม้ กาเบรียล เชซุส หายเจ็บกลับมาแล้วก็ตาม

อาร์เตต้า ไม่ต้องคิดมากเรื่องการจัดตัว หรือกังวลกับรายการอื่นใดอีกแล้ว โฟกัสอย่างเดียวต่อจากนี้คือ "พรีเมียร์ลีก" ที่มีโอกาสดีสุดในรอบเกือบยี่สิบปีสำหรับการเป็นแชมป์ 

ขณะที่ คริสตัล พาเลซ เพิ่งตัดสินใจปลดผู้จัดการทีม ปาทริค วิเอร่า ออกจากตำแหน่งหลังทำทีมไม่ชนะเลยในปี 2023 แพ็ดดี้ แม็คคาร์ธี่ อดีตกัปตันทีมซึ่งเป็นโค้ชทีมยู-21 ได้ทำหน้าที่ขัดตาทัพมาเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่างรอการสรรหากุนซือคนใหม่

ในหลายปีที่ผ่านมา พาเลซ มักเป็นตัวแสบบุกมาเก็บแต้มกลับออกไปได้บ่อยครั้ง สถิติ 4 ครั้งหลังสุดที่ไม่แพ้กลับออกไป (ชนะ 1 เสมอ 3) คงมีเพียงไม่กี่ทีมที่ทำได้

ทว่าสถานการณ์ย่ำแย่ก่อนแข่งจนถึงขั้นปลดกุนซือก็ทำให้ ดิ อีเกิ้ลส์ ไม่สามารถรักษาผลงานดีงามตรงนี้เอาไว้ได้ 

ตรงกันข้ามเป็น อาร์เซน่อล ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมราวกับว่าไม่ได้เพิ่งผ่านความชอกช้ำเมื่อกลางสัปดาห์

รูปเกมไม่ได้ต่างจากที่หลายคนคาดเอาไว้เพราะ อาร์เซน่อล ที่คุณภาพโดยรวมเหนือกว่าเป็นฝ่ายคอนโทรลจังหวะการเล่นเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ส่วน พาเลซ คอยดักบอลหาจังหวะสวนกลับโดยเป็นฝ่ายได้ลุ้นจะแจ้งก่อนจาก วิลฟรีด ซาฮา ที่ความสามารถเฉพาะตัวเกือบทำประตูให้ทีมพลิกนำ

ซาฮา เก่งอยู่แล้วกับจังหวะดวลตัวต่อตัวที่สามารถสร้างโอกาสเองได้หลังโยกผ่าน เบน ไวท์ แล้วยิงด้วยขวา แต่ อารอน แรมส์เดล ก็ทำได้ดีเช่นกันปัดปลายนิ้วบอลชนเสา และโชคดีที่บอลเด้งชนตัวออกหลังไป


มาร์ติเนลลี่ กดประตูแรกสุดเฉียบขาด

ปืนใหญ่กลับมาเคาะบอลหาช่องไปเรื่อยก่อนได้สองประตูจากจังหวะเข้าทำที่ไม่ได้ซับซ้อน และค่อนข้างคล้ายกัน

พาเลซ ยืนรับแน่นในแดนตัวเองเกือบทั้งทีมก็จริง แต่ตำแหน่งแต่ละคนค่อนข้างหละหลวม และขาดความตื่นตัว แถมแดนกลางยังไม่ขยันในการไล่ตัดบอล ทำให้แข้งปืนได้เคาะบอลเล่นหน้าเขตโทษแบบไม่ถูกกดดันมากนัก

จุดคล้ายกันในสองประตูนำคือ เบน ไวท์ แทงบอลสั้นเข้าช่องให้ ซาก้า แบบง่ายดาย โดยประตูแรก ซาก้า เลือกโยนข้ามฟากไปให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ดึงลงก่อนแตะเข้ายิงด้วยสุดเฉียบขาด ส่วนลูกสองมีพื้นที่เปิดโล่ง ซาก้า จึงเลือกมุมยิงเองอย่างใจเย็น

อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิงถึง 9 ครั้ง และครองบอลเกือบ 70 เปอร์เซนต์ ก่อนนำ 2-0 เมื่อผ่านครึ่งทางแรก

ในครึ่งหลัง พาเลซ พยายามฮึดสู้ แต่การป้องกันยังเปิดช่องให้ อาร์เซน่อล ได้โจมตีง่ายๆ และเพียงแค่ 10 นาทีหลังรีสตาร์ทกลับมา เจ้าถิ่นก็นำห่างอีกลูกจากจังหวะทำชิ่งกันของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ไหลเข้าช่องให้ กรานิต ชาคา ตามไปยิงไม่พลาด 

เกมเหมือนจะขาดไปแล้ว แต่ พาเลซ มาตีไข่แตกได้จากลูกเตะมุมที่บอลตกตรงหน้า เจฟฟี่ ชลุปป์ ได้ยิงจ่อๆ จังหวะนี้ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ชี้ขาดว่าไม่ได้เป็นการแฮนด์บอล 

โมเมนตัมเกือบเปลี่ยนเพราะ ซาฮา มีโอกาสหลุดไปตวัดบอลด้วยซ้ายผ่าน กาเบรียล มากัลเญซ และ อารอน แรมส์เดล ไปแล้ว แต่บอลผ่านเสาสองออกหลังไปด้วย ขณะที่เพื่อนร่วมทีมเข้าชาร์จไม่ถึง 

ถ้าลูกนี้เป็นประตูและไล่ตามมาเหลือประตูเดียว กำลังใจจะอยู่ทางฝั่ง พาเลซ แน่นอน 

แต่พอทำไม่ได้กลับเป็น อาร์เซน่อล หนีห่างเป็น 4-1 ในอีก 2 นาทีถัดมาจาก ซาก้า ซัดประตูที่สองของตัวเองตอกย้ำผลงานอันยอดเยี่ยมในเกมนี้  

ปีกดาวรุ่งวัย 21 ปี กลายเป็นนักเตะคนแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ยิงประตูและทำแอสซิสต์ได้ถึงเลขสองหลัก และเป็นคนแรกในรอบ 6 ปีของสโมสรที่ทำได้ต่อจาก อเล็กซิส ซานเชซ ในฤดูกาล 2016/17


ซาก้า สร้างประวัติศาสตร์อีกแล้ว

ซาก้า ทำไปแล้ว 12 ประตูในลีก มากกว่าฤดูกาลก่อนทั้งฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อย (11 ประตู) ขณะที่ลูกเปิดให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงประตูแรกก็เป็นแอสซิสต์ที่ 10  

นับผลงานจนถึงตอนนี้ ซาก้า แทบนอนมากับตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทุกสถาบัน แต่จะได้ลุ้นถึงรางวัลใหญ่แข้งยอดเยี่ยมหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่คนโหวตว่าชื่นชอบแบบ ซาก้า หรือคลั่งไคล้การถล่มประตูของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ มากกว่า

หลังได้ประตูที่สี่โดยที่ตัวสำรองอย่าง คีแรน เทียร์นีย์ แอสซิสต์ให้ ซาก้า ยิงได้ มิเกล อาร์เตต้า ก็เริ่มทยอยถอดตัวหลักออกไปพักเพิ่มไม่ว่าจะเป็น เบน ไวท์, มาร์ติเนลลี่ และ กาเบรียล มากัลเญส

กาเบรียล มากัลเญส ไม่เคยโดนเปลี่ยนตัวออกเลยในเกมลีก 27 นัดที่ผ่านมา แต่นัดนี้ได้ออกไปพักก่อนเพราะเพิ่งผ่าน 120 นาทีเต็มในเกมยูโรปา ลีก ยาคุบ คีวิออร์ เซนเตอร์ทีมชาติโปแลนด์จึงได้โอกาสลงเล่นพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกนับตั้งแต่ย้ายมาในตลาดหน้าหนาว

ช่วง 4-5 นาทีท้าย คู่เซนเตอร์จึงเป็น ร็อบ โฮลดิ้ง กับ ยาคุบ คีวิออร์ ซึ่งอาจเป็นเพียงนัดเดียวที่ได้เห็นในฤดูกาลนี้

อาร์เซน่อล จึงปิดจ๊อบก่อนเบรกทีมชาติด้วยชัยชนะที่สวยงาม และเกือบเป็นเกมที่สมบูรณ์หากไม่เสียประตูจากลูกเซตพีซให้พาเลซซึ่งเป็นจุดที่ อาร์เตต้า ไม่แฮปปี้นัก 

แต่กระนั้น สิ่งสำคัญสุดคือ การกลับมาชนะได้ทันทีหลังเพิ่งผ่านความผิดหวังมาหมาดๆ 

ขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ซึ่งถูกจับตามองว่าจะทำผลงานเป็นอย่างไรหลังเป็นคนเดียวที่พลาดจุดโทษในช่วงชี้ขาดกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ยังคงลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นเต็มร้อย วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด และเป็นคนยิงเปิดหัวให้ทีม

"ผมไม่เคยเหนื่อยเลยกับการเล่นเพื่อตราสโมสรนี้" ดาวรุ่งบราซิเลียนกล่าวเอาไว้หลังเกม

หากนับในสองนัดหลังสุดแล้ว เขาลงเล่นรวมเกินสองร้อยนาที มากเป็นอันดับสองรองจาก กรานิต ชาคา ซึ่งเป็นเอาต์ฟิลด์คนเดียวที่เล่นครบ 120 นาที และ 90 นาทีในช่วงเวลา 4 วัน

อาร์เซน่อล ขยับหนี แมนฯ ซิตี้ เป็น 8 คะแนนได้สำเร็จ แต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด

หลังเบรกทีมชาติกลับจะเป็น 100 เมตรสุดท้ายของจริงกับโปรแกรมอีก 10 นัดสุดท้ายที่คงไม่ต่างจากนัดชิงชนะเลิศแต่อย่างใด 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด