:::     :::

ปลายทางของ "ความดื้อ"

วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
540
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลรีโว่ไทยลีก หยุดทำการแข่งขันราว 2 สัปดาห์ เพื่อหลีกทางให้โปรแกรมฟีฟ่า เดย์ ของทีมชาติไทย ซึ่งเตรียมยกพลบุกดินแดนทะเลทราย อุ่นเครื่อง 2 นัด เจอกับทีมชาติซีเรีย และ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์​ เจ้าภาพ รวมไปถึงทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เตรียมลงทำศึกฟุตบอลโดฮา คัพ ที่กาตาร์

แน่นอนว่าโฟกัสของแฟนบอลไทยคงรอเวลาเทใจเชียร์ทัพ “ช้างศึก” เพื่อกระตุ้นให้ทีมทำผลงานที่ดีและเก็บคะแนนในฟีฟ่า แรงกิ้ง ให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพราะเราหยุดที่อันดับ 111 มาหลายเดือนแล้ว 

ส่วนลูกทีมน้องของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร จะยกระดับขึ้นจากเดิมหรือไม่ ผลงานในสนามจะเป็นคำตอบให้แฟนบอลเอง

ก่อนจะพักเบรกทีมชาติได้มีข่าวใหญ่ เมื่อ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตัดสินใจปรับเก้าอี้เฮดโค้ช ด้วยการถอยเอา แมตต์ สมิธ ขึ้นไปรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสร คู่กับ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ 


พร้อมสวมบทป๋าดันให้ ศุภชัย คมศิลป์ อดีตแบ็คซ้ายลูกหม้อของทีมขยับสวมบทเฮดโค้ชชั่วคราว ส่วนจะทำหน้าที่ไปจนจบฤดูกาลหรือไม่ต้องติดตามต่อไป เพราะสโมสรแห่งนี้มักมีอะไรให้ติดตามเสมอ 

การปรับเก้าอี้ดนตรีกุนซือครั้งที่ 2 ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ เพราะผลงานของทีมภายใต้การบัญชาทัพของ แมตต์ สมิธ แทบไม่มีทรงเหมือนในยุคของ มาโกโตะ เทกุระโมริ เลย 

ผลงานการคุมทีมของกุนซือเลือดจิงโจ้ ทั้งหมด 20 นัดทุกรายการ พาทีมชนะ 9 นัด เสมอ 2 นัด และพุ่งชนความพ่ายแพ้ถึง 9 นัด 


หากจะนับเฉพาะฟุตบอลไทยลีก 13 นัด พาทีมชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 8 นัด หล่นมาอยู่อันดับ 9 ของตาราง ห่างโซนตกชั้นแค่ 7 แต้มเท่านั้น 

เรียกว่าหมดลุ้นแชมป์ ไทยลีก รวมถึงฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอ คัพ แน่นอนแล้ว

ถ้วยเดียวที่ทีมยังมีลุ้นแชมป์คือฟุตบอล รีโว คัพ ซึ่งทีมผ่านเข้ารอบคัดเชือกเรียบร้อยแล้ว ร่วมกับ 3 ทีมคือ ราชบุรี เอฟซี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ พีที ประจวบ เอฟซี 

นั่นทำให้ แมตต์ สมิธ กลายเป็นกุนซือรายที่ 13 ของไทยลีกฤดูกาลนี้ที่โดนกลืน


แม้ก่อนหน้านี้ ปวิณ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่ของสโมสรจะประกาศว่าพร้อมให้เวลาอดีตปราการหลังกัปตันทีมได้สร้าง DNA และพาทีมเปลี่ยนโหมดสู่ยุคใหม่ 

แต่เมื่อผลงานมีแต่สาละวันเตี้ยลงคงต้องสวมคอนเวิร์สแยกย้าย เพราะหากจะ “ดื้อ” ดึงดันต่อไป โอกาสที่ทีมจะร่วงตกชั้นไปเล่นในไทยลีก 2 เหมือนฤดูกาล 2018 มีไม่น้อย 

ถึงบรรทัดนี้รู้สึกเสียดายแทนแฟนบอล “กระต่ายแก้ว” เพราะก่อนหน้านี้ไม่ถึงปี นี่คือสโมสรที่เป็น 1 ใน 8 ของฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 


นอกจากนี้ยังไม่ผู้เล่นระดับทีมชาติไทย อัดแน่นอยู่ในทีม ขุนพลในแดนหน้าล้วนฝีเท้าจัดจ้าน มีกุนซือระดับแนวหน้าของวงการลูกหนังเอเชีย แต่สภาพตอนนี้กลายเป็นทีมกลางตารางของลีกเรียบร้อยแล้ว 

หากไม่รีบปลดโค้ช “เทกุ” ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช และปล่อยนักเตะอย่าง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ และ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ออกจากทีม คงได้ลุ้นแชมป์ไทยลีกหรือเกาะกลุ่มนำของตารางคะแนนชิวๆ แฟนบอลก็ไม่ต้องมาเสียศรัทธาด้วย 


การที่ผลงานที่ดิ่งลงเหวของทีมคงโทษใครไม่ได้นอกจากทีมบริหารนั่นแหละที่ “ดื้อ” และ “ใจร้อน” เกินไป

แถมเกาไม่ถูกที่คัน (เหมือนเดิม) อีกครั้ง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})