:::     :::

"กามา" ผู้ถูกเลือกไม่ให้ "ลำพูน" ต้องผิดหวัง

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
542
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เขากลับมาเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากแยกทางกับ แดกู เอฟซี ในลีกของเกาหลีใต้ ด้วยผลงานคุมทีม 27 นัด ชนะ 5 เสมอ 12 แพ้ 10 นัด มี 27 คะแนน รั้งอันดับ 9 ของตารางจาก 12 ทีม ก่อนเป็น ลำพูน วอริเออร์ ที่อ้าแขนต้อนรับเขา

ด้วยไฟที่ยังปะทุในการทำงาน ทำให้ อเล็กซานเดร กามา อยากจะกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในไทยลีก แต่คราวนี้ไม่ใช่การลุ้นแชมป์ เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่เป็นงานที่จะต้องช่วยให้ทัพ “ราชันโคขาว” หนีตายให้ได้สถานเดียวเท่านั้น

มองกันแบบลึกๆ ยอดโค้ชชาวบราซิลรายนี้มีประสบการณ์ในเมืองไทยข้นคลั่กเลยทีเดียว เพียงแต่การตัดสินใจมาทำงานครั้งนี้ วัตถุประสงค์เองคืออะไรกันแน่ แถมตอนนี้ผ่านไป 24 นัด เขาพาทีมรั้งอยู่ที่ 13 มี 24 คะแนน ห่างจากโซนตกชั้นแค่ 2 แต้ม เราลองไปหาคำตอบกันดู


เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา 

จริงๆแล้ว ลำพูน วอริเออร์ อยากได้เขามาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นติดปัญหาเรื่องเงินค่าตัวกับทีมงานของยอดโค้ชชาวแซมบ้ารายนี้ ซึ่งมีรายงานว่าในการเจรจาครั้งแรกตัวเลขดีดไปอยู่ที่ 3 ล้านบาทต่อเดือนเลยทีเดียว ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง

แต่เมื่อทุกอย่างเปรียบเสมือนพรหมลิขิต ทางฝั่ง "ราชันโคขาว" ก็แยกทางกับ "โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน และ กามา ก็เปิดหมวกลา แดกู เอฟซี ทำให้การเจรจาเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ก่อนจะเข้ามาคุมยอดทีมจากแดนหริภุญชัย แม้จะเป็นการหนีตายในช่วงเลกสองก็ตามที

หากมองในภาพกว้างๆ น่าจะเหมือนเป็นการวัดใจของ กามา ไม่น้อย จากที่เคยพาทีมใหญ่ๆ ลุ้นแชมป์ ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งแค่สองทีมนี้เขาเองก็เสกถ้วยในเมืองไทย ไปประดับสโมสรมาทุกโทรฟี่ก็ว่าได้ แม้จะไม่มีเกียรติยศกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ถือว่าก็ช่วยทีมกลับมาลุ้นพื้นที่ถ้วยเอเชียช่วงนั้นได้เหมือนกัน


เลือกอิมพอร์ตตัวผู้เล่นด้วยตัวเอง

ใครที่เป็นแฟนตัวยงของ กามา คงจะรู้ว่า เวลาที่เขาไปไหนจะต้องมีมือปืนคู่ใจจากบราซิลติดตัวไปช่วยตลอด เหมือนตอนเสก ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยเมื่อปี 2017 ก็มีตัวชูโรงอย่าง วานเดอร์ หลุยซ์ กับ เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส เป็นเครื่องจักรสำคัญ

หรือตอนกลับมายัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รอบสอง ก็ดึง ซามูเอล โรซา ที่เขาเคยเห็นฟอร์มปี 2019 ในการคว้าแชมป์เค ลีก กับ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส รวมทั้ง ไมค่อน อดีตเยาวชนทีมชาติบราซิล มาเล่นเกมรุก ส่วนช่วงคุม เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มีทั้ง แดร์เลย์ หัวหอกร่างยักษ์ กับ บรูโน กัลโล่ มาช่วยเติมเต็มเกมรุกจนทีมกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง

และเมื่อมาคุมทัพ "โคขาว" เขาตัดสินใจดึง "ลุคก้า" แนวรุกชาวบราซิล วัย 32 ปี มาจากปอนเต้ เปรต้า ดีกรีรองซัลโวซีรี่ บี บราซิล, หลุยส์ อันโตนิโอ มิดฟิลด์ตัวรับวัย 31 ปี ที่เป็นผลผลิตของทีม ฟลาเมงโก้ ตลอดจนได้ บิลล์ โรซิมาร์ มาร่วมงานอีกครั้ง ทำให้เป็น "แซมบ้า คอนเนคชั่น" ที่เขาพึงพอใจ


รู้จักสไตล์การเล่นทุกทีม

ด้วยผลงานเคยพา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์มาแล้วมากมาย ในระหว่างปี 2014-2016 ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ไทยลีก 2 สมัย (2014 , 2015), แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย (2015), แชมป์ลีก คัพ 1 สมัย (2015), แชมป์ถ้วย ก. 2 สมัย (2015 , 2016), แชมป์พรีเมียร์ คัพ 1 สมัย (2016) และ แชมป์แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ 1 สมัย (2015)

ก่อนไปพา ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 2017 ต่อเนื่องปี2018 ได้ทำการคว้าแชมป์แรกตั้งต้นปีคือศึกการแข่งขันออมสิน แชมเปี้ยนคัพ 2018 จนกระทั่งมาได้ ลีก คัพ กับ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลเดียวกัน ทำให้เขามีประสบการณ์มากมายในการคุมทีมไทยลีก แถมยังเคยกุมบังเหียน ทีมชาติไทย ยู 23 มาแล้วด้วย

ทั้งหมดนี้เพียงพออย่างยิ่งที่เขาเองจะรู้จักสไตล์การเล่นของแต่ละทีมเป็นอย่างดี ตลอดจนนักเตะคนไทยที่เขาเองเคยสัมผัสมาแล้ว เชื่อได้ว่าด้วยประสบการณ์ที่ผ่านงานมาแบบนี้ ข้อมูลทุกอย่างน่าจะถูกงัดออกมาใช้ เพื่อพาทีมรอดตกชั้นให้ได้


ได้สิทธิ์ขาดทำทีมแบบเต็มที่

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในตอนแรกว่า ประธานสโมสรลำพูน วอริเออร์ อย่าง "บอสตาล" พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก อยากจะได้เทรนเนอร์ชาวบราซิลเข้ามาคุมทีมอย่างมาก เพราะมองเรื่องของประสบการณ์ที่มี แถมเคยพาทีมเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว ทั้งกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด

แม้ตอนแรกจะยังติดเรื่องค่าเหนื่อยที่ไม่ลงตัว ทำให้ทีมต้องไปดึง “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน เข้ามากุมบังเหียน แต่ใช่ว่าจะขาดการติดต่อกันไปเลย เพราะระหว่างนั้นก็ยังมีการคุยบ้างตามประสา จนกระทั่งดวงลิขิตให้ได้มาร่วมงานกันจนได้ แถมค่าเหนื่อยกลับยังถูกลดลงมาหลายเท่าตัวเลยด้วยซ้ำไป

เมื่อเข้าทำงานจริงๆ “บอสตาล” เปิดกว้างให้กับ กามา ได้ทำงานของเขาอย่างเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถพาทีมรอดพ้นตกชั้นได้ ซึ่งหลายๆเกมที่ผ่านมา เราก็เห็นได้ชัดว่ารูปแบบการเล่นของ ลำพูน วอริเออร์ มีความสมดุลทั้งในเรื่องของเกมรับและรุกจริงๆ


อีก 6 เกมที่เหลือหลังจากกลับมาจาก ฟีฟ่า เดย์ ที่ทีมชาติไทย เดินทางไปอุ่นเครื่อง 2 เกม ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ คงจะได้เห็นว่า ด้วยประสบการณ์ของ อเล็กซานเดร กามา จะสามารถพาทีมรอดหรือไม่ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่ถูกเลือกให้ ลำพูน วอริเออร์ ไม่ต้องพบเจอกับความผิดหวังก็เป็นได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})