จากเริ่มต้นอาชีพกับ ดินาโม ซาเกร็บ และมาสร้างชื่อกับ สเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กระทั่งมาอยู่กับ "ราชันชุดขาว" ที่ตอนแรกแฟนบอลต่างร้องยี้ แต่ปัจจุบันไม่มีใครไม่รักเขา
ความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของทีมดังจากสเปน โมดริช คือกำลังสำคัญ ความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม มีพรสวรรค์ การทำงานหนัก ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เป็นแบบอย่างให้กับแข้งอายุน้อย
แต่อาจจะมีอีกหลายเรื่องของเขาที่คุณอาจจะไม่รู้ว่าก่อน และนี่คือ 13 เรื่องราวของ ลูก้า โมดริช
เติบโตที่ โมดริชี่
ตอนที่สตาร์ทีมชาติโครเอเชีย อายุได้ 6 ปี คุณปู่ของเขาถูกสังหารโดยกลุ่มติดอาวุธชาวเซอร์เบีย ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตของเขาสั่นคลอนอย่างมาก ถือเป็นความบอบช้ำอย่างหนักจากภัยสงคราม
อย่างไรก็ตามในวันที่ 8 ธันวาคม 1991 กองทหารรักษาการณ์ชาวเซอร์เบียที่ใช้ความรุนแรงได้โจมตีหมู่บ้านที่ โมดริชี่ หมู่บ้านเล็กทางตอนเหนือของ ดัลมาเซีย ใกล้กับเทือกเขา เวเลบิต ทำให้ ลูก้า โมดริช ซีเนียร์ ถูกจับตัวไป
"ตอนผมอายุ 6 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ ผมจำได้อย่างแม่นยำ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณอย่างจำหรือคิดถึงมันหรอกนะ" โมดริช กล่าว
ใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย
หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อ-แม่ของเขาถูกบังคับให้ต้องหนีจาก โมดริชี่ และพักที่โรงแรมอิซ ในซาดาร์, เจ้าหนูลูก้า และน้องสาว ยัสมิน ต้องรับมือกับเสียงปืนและระเบิดในทุกวัน ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงระเบิดที่อาจะฝังอยู่ตามมุมต่างๆเพราะไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปา
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหนูลูก้าหยุดเตะลูกบอลเล็กๆที่มีรูพรุนรอบๆลานจอดรถของโรงแรม ในขณะที่เขาฝันว่าสักวันหนึ่งจะสามารถหนีชีวิตที่บอบช้ำจากสงครามได้
เป็นพ่อทูนหัวของ อิวาน ลูกชายของ มาเตโอ โควาซิช
มาเตโอ โควาซิช และ อิซาเบล ภรรยาทำการล้างบาปให้กับลูกชายเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2021 ตอนอายุ 9 เดือน และยกให้ โมดริช เป็นพ่อทูนหัว
สองมิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียเป็นเพื่อนสนิทกัน แน่นอนว่าต้องขอบคุณช่วงเวลาของทั้งคู่ที่ เรอัล มาดริด ที่ โควาซิช ค้าแข้งในช่วงปี 2015-2018
เจ้าของสถิตินักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีโครเอเชีย
ในช่วงปี 2007-2022 ลูก้า โมดริช ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ โครเอเชีย มากถึง 11 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติมากที่สุดในปัจจุบันที่ 164 เกมด้วย
นักเตะคนแรกที่เล่นทั้งศึกยูโรและฟุตบอลในรอบ 3 ทศวรรษที่แตกต่าง
ลูก้า โมดริช ลงเล่นในฟุตบอลโลกในปี 2006, 2014, 2018 และ 2022 เช่นเดียวกับศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2008, 2012, 2016 และ 2020 สิ่งนี้ทำให้แข้งวัย 37 ปีเป็นนักเตะคนแรกที่เล่นทั้งยูโรปและฟุตบอลโลกในรอบ 3 ทศวรรษที่แตกต่างกัน ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงการอยู่ในระดับสูงอย่างยาวนานของเขาเลย
นักเตะคนแรกที่แทรกรางวัลบัลลง ดอร์หลังการแย่งกันของ เมสซี่ และ โรนัลโด้
ในช่วงปี 2008 ถึงปี 2017 รางวัลบัลลง ดอร์เป็นการแข่งขันกันระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้กันอยู่เพียงสองคนจนกระทั่งปี 2018 นี่เอง
ลูก้า โมดริช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ เรอัล มาดริด รวมถึงทีมชาติโครเอเชียในฟุตบอลโลก 2018 ที่พาทีมเป็นรองแชมป์อย่างยอดเยี่ยม นั่นทำให้เจ้าตัวผงาดคว้ารางวัลนี้ไปครองอย่างยิ่งใหญ่
นักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดในฟุตบอลโลก 2018 คิดจากจำนวนนาที
ลูก้า โมดริช ลงเล่นครบทุกนาทีในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก 2018 โดยรวมอยู่ในสนามไปถึง 694 นาที เป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดประจำทัวร์นาเม้นต์นี้เลย
ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในปี 2008?
สตาร์ทีมชาติโครเอเชียค่อยสร้างชื่อเสียงของตัวเองขึ้นมาในฐานะดาวรุ่งที่น่าจับตามองสมัยที่อยู่ ดินาโม ซาเกร็บ กระทั่งปี 2008 มีข่าวว่า บาร์เซโลน่า อยากได้ตัวร่วมทีม
ในการสัมภาษณ์กับ มุนโด้ เดปอร์ติโบ, ลูก้า โมดริช เองก็บอกว่าอยากไปค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นูด้วย อย่างไรก็ตามสุดท้ายเป็น สเปอร์ส ที่ได้ตัวไปร่วมทีม หลังจากนั้นในปี 2012 ก็มาอยู่กับ เรอัล มาดริด และจากนั้นก็คือประวัติศาสตร์
ถูกโหวตเป็นการสัญญาที่แย่ที่สุดของ เรอัล มาดริด ในปี 2012
มาร์ก้า หนังสือพิมพ์ใหญ่ของสเปนโหวตให้ ลูก้า โมดริช เป็นการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของลา ลีกา ในซัมเมอร์ปี 2012 ยิ่งกว่า อเล็ก ซง ที่มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า
โมดริช ถูกโหวตที่ 32.2 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ดิ้นรนเพื่อสอดแทรกไปอยู่ทีมชุดใหญ่ที่มี ชาบี อลอนโซ่, ซามี เคดิร่า และ เมซุต โอซิล อยู่ในทีม
ไอดอลของ โมดริช : โรนัลโด้
ในขณะที่ ลูก้า โมดริช ใช้เวลา 6 ปีที่น่าจดจำร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทีม เรอัล มาดริด, ไอดอลของเขาในช่วงเริ่มต้นอาชีพก็คือ โรนัลโด้ อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล
สนับแข้งคู่แรกที่เจ้าตัวใช้สมัยเริ่มต้นอาชีพนั้นมีรูปของ โรนัลโด้ อยู่ด้วย ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ของปกติทั่วไปในภายหลัง
เลือกเบอร์ 14 ที่ สเปอร์ส เพื่อเป็นเกียรติแก้ โยฮัน ครัฟฟ์
สเปอร์ส เซ็นสัญญากับ โมดริช ในปี 2008 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรในเวลานั้น 16.5 ล้านปอนด์ เท่ากับ ดาร์เร็น เบนท์ ที่ซื้อมาในปีก่อนหน้า ซึ่งทาง โมดริช เลือกเบอร์ 14 เพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานทีมชาติฮอลแลนด์
"เป็นเกียรติอย่างสูงที่พวกเขาเปรียบเทียบผมกับ ครัฟฟ์" โมดริช กล่าวเมื่อครั้งรับ บัลลง ดอร์ ในปี 2018 "เขาเป็นสุดยอดนักเตะและเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ผมสวมเสื้อหมายเลข 14 ที่ ท็อตแน่ม เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และเพราะเบอร์ 10 มีเจ้าของแล้ว"
ในปี 2016 ซีเนซีน ซีดาน ทำนายว่า โมดริช จะได้ บัลลง ดอร์
"ตอนที่ ซีดาน เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ เรอัล มาดริด ในเดือนมกราคม 2016 เขาเรียกผมเข้าไปหาที่ห้องทำงานวันหนึ่งหลังจบการซ้อมและอธิบายว่าเขาเห็นอะไรในตัวผมและสิ่งที่เขาคาดหวังในตัวผม"
"เขาบอกว่าผมคือผู้เล่นคนสำคัญสำหรับเขา เหนือสิ่งอื่นใด เขาบอกผมว่าเขามองผมในฐานะผู้เล่นที่สามารถก้าวไปคว้ารางวัลบัลลง ดอร์ได้"
"เมื่อคนอย่าง ซีดาน ที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกและความยอดเยี่ยมเมื่อครั้งเป็นผู้เล่นพูดแบบนั้น มันยิ่งเพิ่มพูนความมั่นใจให้กับคุณได้"
อัตชีวประวัติของ โมดริช
โรเบิร์ต มัตเตโอนี่ นักกีฬาชื่อดังชาวโครเอเชียร่วมเขียน โมย่า อิกรา (My Game) อัตชีวประวัติของ โมดริช ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงครึ่งหลังของปี 2019
เรื่องราวพูดถึงการเติบโตในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของ โมดริช, วัยเด็กของเขาที่เติบโตมาในสถานการณ์สงคราม และประเด็นสำคัญอื่นๆเช่นครอบครัวและเพื่อน ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาให้แฟนๆได้อ่านกัน
