:::     :::

พลิกปูมหลัง แว็งซองต์ กอมปานี

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,225
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แขวนสตั๊ดไปในปี 2020

สำหรับ แว็งซองต์ กอมปานี หลังจากผ่านประสบการณ์การค้าแข้งมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่า สโมสรที่เขาสามารถสร้างชื่อเสียงมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ


ปัจจุบัน กอมปานี เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีม ด้วยการกุมบังเหียนสโมสรในวัยเด็กของเขาอย่างอันเดอร์เลชท์ ต่อยอดมาจนถึงเบิร์นลี่ย์ ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 


ส่วนผลงานกับเบิร์นลี่ย์ ถือว่ายอดเยี่ยมาก เพื่อสามารถพาทีมเลื่อนชั้น และคว้าสิทธิมาเล่นพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้าเป็นผลสำเร็จ นี่คือกุนซือหน้าใหม่ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก 


กระนั้น กว่าที่กอมปานี จะก้าวมาเป็นนักเตะระดับโลก และผู้จัดการทีมที่น่าจับตามอง เขาต้องผ่านอะไรมาอย่างมากมาย ช่วงนี้ เราลองย้อนกลับไปดูเส้นทางที่เขาเดินผ่านมากันหน่อย 

“แกมันคนดำสกปรก”


กอมปานี้ คือเด็กเชื้อสายคองโก ที่มาเกิด และเติบโตที่ประเทศเบลเยี่ยม เล่าถึงความเจ็บปวดในวัยเยาว์ บ่งบอกว่า การใช้ชีวิตที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของดินแดนแห่งนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 


กอมปานี ผ่านการถูกเหยียดหยามจากถ้อยคำเหล่านั้น จากคนบางกลุ่มที่ใช้สนามฟุตบอลเป็นที่ระบาย


“ทีมฟุตบอลวัยเด็กของเรา ประกอบไปด้วยเด็กหลายเชื้อชาติ” เขาเล่าต่อ “ทีมของเรามีทั้งเด็กแอฟริกัน, เตอร์กิช และอิตาเลี่ยน เมื่อใดก็ตามที่เราออกไปเล่นนอกกรุงบรัสเซลส์ เราจะต้องโดนละเมิดทางคำพูด จากบรรดาผู้ปกครองของคู่แข่ง”


“พวกเราเป็นเด็กอายุ 12-13 ที่โดนเรียกว่าไอ้คนดำสกปรก นอกจากนี้ พวกเขายังเหยียดรูปร่างเราด้วย โดยล้อเลียนว่า เราน่าจะอายุมากกว่าที่แจ้งเอาไว้ในหนังสือเดินทาง ขณะที่ผู้ตัดสินไม่ยอมออกมาปกป้องอะไรทั้งนั้น การเหยียดผิว และความไม่เท่าเทียม ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นขบถ”

กระทั่งอายุ 14 กอมปานี ก็ต้องพบกับอีกหนึ่งความยากลำบากในการใช้ชีวิต เมื่อคุณพ่อกับคุณแม่ตัดสินใจแยกทางกัน 


เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พ่อกับแม่ของผมแยกทางกัน ผมก็ไม่เข้าใจเหตุผลหรอก แต่ที่ผมรู้คือ ผมเจ็บปวดเป็นอย่างมาก”


“ทว่าผมยังเป็นคนโชคดี เมื่อเพื่อนของผมหลายคนก็ตกอยู่ในสถานะที่ครอบครัวหย่าร้างกัน ดังนั้น ผมจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเท่าไหร่ สถานที่หลบภัยทางความรู้สึกของผม นั่นคือการเล่นฟุตบอล”


นี่คือเรื่องราวที่ผลักดันให้เด็กชายผิวสีคนหนึ่ง สามารถก้าวมาเป็นกัปตันทีมชาติเบลเยี่ยม และสโมสรชื่อดังอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เรารู้ว่า ทุกคนล้วนเคยเผชิญหน้ากับอุปสรรค แต่คนที่สามารถพาตัวเองออกจากการจมปลัก คือคนที่ตอบสนองต่อความเจ็บปวดได้ 

ปัจจุบัน กอมปานี กลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ถือว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางลูกหนัง ย้อนกลับไปปี 2013 เขาตัดสินใจควักเงินส่วนตัว เพื่อเทคโอเวอร์สโมสรเล็กๆในเบลเยี่ยม นามว่า บีเอ็กซ์ บรัสเซลส์ โดยปล่อยให้คนในครอบครัวช่วยกันบริหาร 


การซื้อทีมฟุตบอลระดับท้องถิ่นนี้ เขาไม่ได้เข้ามาเพื่อกอบโกยรายได้ และเก็งกำไรเหมือนนักธุรกิจทั่วไป แต่เป็นการซื้อเพื่อเปิดโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่ ที่มีต้นทุนชีวิตไม่มากเท่าไรนัก


“ผมขอเรียกมันว่า โครงการเพื่อสังคม รวมไปถึงการขับเคลื่อนทางกีฬา” เขากล่าวถึงการซื้อสโมสรของตัวเอง “กีฬาคือพื้นที่ที่สามารถส่งลูกหลานเข้ามา พวกเขาสามารถสนุกกับมันได้ คุณสามารถคาดหวังได้ว่า พวกเขาจะมีคุณครูที่ดี และจะมีความก้าวหน้า”


“ในกรุงบรัสเซลส์ เรามีสถานการณ์ที่ต้องดูแล ที่นี่ยังมีความยากจนผสมอยู่ และมีเด็กมากมายที่ไม่สามารถหางานได้ ผมจึงมองว่า ฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยความคิด และจิตวิญญาณ”


กอมปานี ทิ้งท้ายถึงความมุ่งหมายในชีวิต ผ่านพื้นที่เล็กๆของฟุตบอลที่เขาเพาะบ่มมันขึ้นมา เพื่อไม่ให้เด็กๆพบกับความเลวร้าย เหมือนที่เขาเคยเจอมาในอดีต 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})