ผิดหวังก็ใช่อยู่ แต่อารมณ์บางส่วนเหมือนสวรรค์เล่นตลกกับความรู้สึกแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ในนัดล่าสุด

อารมณ์หลังจบเกมเมื่อคืนที่ผ่านมาเลยผสมปนเปหลายอย่าง แต่ที่ชัดเจนคือการปราชัยนัดล่าสุดมาจากความผิดพลาดของ ปิศาจแดง 

เรื่องดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่ ลุค ชอว์ แบบไม่ต้องสงสัยเพราะถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ทีมโดนจุดโทษช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายก่อนจะกลับออกมาจาก เอเม็กซ์ สเตเดียม แบบมือเปล่า

ต้องยอมรับว่าจังหวะเสียจุดโทษทำแฟนบอลปิศาจแดงอึ้งไปตามๆ กัน แต่ละคนเกิดอาการงงชนิดที่หลุดอุทานเสียงดังอย่างแน่นอน เพราะทีแรกคงไม่เข้าใจว่าทำไม ชอว์ ถึงกางมือแบบนั้น

ฝั่งนักเตะยอมรับตรงไปตรงมาเป็นความผิดพลาดของตนเอง แม้การให้สัมภาษณ์ท่อนแรกจะระบุว่าโดนผู้เล่นไบรท์ตันเบียดจากด้านหลังจนแนวรับชาวอังกฤษกางมือในลักษณะเช่นนั้น แต่กฎก็ต้องเป็นไปตามกฎอยู่ดี

จะโดนดันหรือโดนผลักจากด้านหลังหรือไม่นั้นภาพช้าแสดงให้เห็นชัดเจน ซึ่งจุดที่ผู้ตัดสินโฟกัสคือตำแหน่งของมือที่กางออกไปขวางทางโหม่งของ ลูอิส ดังก์ อย่างแจ่มชัด

สุดท้ายมันคือจุดโทษที่กลับมาเล่นงาน แมนฯ ยูไนเต็ด ให้พบกับความพ่ายแพ้ในลีกอีกครั้งหนึ่ง แถมยังเป็นตลกร้ายเพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ปิศาจแดง เพิ่งเขี่ย ไบรท์ตัน ตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ จากการดวลจุดโทษ

ฝั่ง เดอะ ซีกัลส์ ดูสะใจไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นทั้งนักเตะและเทรนเนอร์ใหญ่ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ที่ยังคงย้อนกลับไปรอบตัดเชือกและย้ำว่าทีมที่ควรเข้าชิงฯ เอฟเอ คัพ คือพวกเขาหาใช่ ปิศาจแดง 

เด แซร์บี้ คงแค้นไม่หายที่แพ้จุดโทษก่อนหน้านี้ เพราะหลังจบเกมเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนย้ำอยู่แบบนั้นหลายรอบทั้งกับ สกาย สปอร์ตส์, บีบีซี และ ช่วงแถลงข่าวหลังการแข่งขันว่า 'ทีมตนเอง 'ดีกว่า' ยูไนเต็ด' และสมควรชนะทั้งสองเกม (แต่ดันพลาดในบอลถ้วยแบบไร้โชค)

มองในมุม ไบรท์ตัน ถือเป็นการแก้แค้น ปิศาจแดง และได้ความสะใจกลับไป แต่ในมุมลูกทีม เทน ฮาก หลังจากนี้พวกเขาต้องรีบกลับมาคว้าชัยให้ได้โดยเร็วอีกครั้ง

สถานการณ์ของ ยูไนเต็ด ไม่มั่นคงและไร้ความต่อเนื่องตั้งแต่เสียสองกองหลังตัวหลักทั้ง ลีซานโดร มาร์ตีเนซ และ ราฟาแอล วาราน ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นเอาแน่เอานอนไม่ได้

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทั้ง 'ลีช่า' กับ 'ราฟา' คือนักเตะที่ปิศาจแดงขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะอย่างที่เห็นเมื่อไม่มีทั้งสองคนในสนามส่งผลต่อแนวรับที่กลับไปย่ำแย่และพร้อมเสียประตูอยู่ตลอด (แถมบางครั้งเสียประตูแบบไร้สาเหตุใดๆ)

มีบางนัดที่ทีมไม่เสียประตูและเอาตัวรอดมาได้ แต่อย่าลืมว่ารูปเกมในแต่ละนัดตั้งแต่ไร้ มาร์ตีเนซ และ วาราน ดูง่อนแง่นโอนเอนหวาดเสียวและต้องลุ้นจนตัวเกร็งตลอด 

เอาแค่เกมก่อนหน้านี้กับ แอสตัน วิลล่า ถึงจะชนะมาได้แต่ก็เกือบโดนตีเสมอหลายครั้งโดยเฉพาะจังหวะโขกสกัดหน้าปากประตูของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ 

นั่นคือผลลัพธ์จากการขาดหายไปของสองปราการหลังคนสำคัญ แถมที่เหลืออยู่ยังวางใจไม่ได้ซึ่งผลก็เป็นแบบที่เห็นอย่างเช่นเกมโดน เซบีย่า ถลุงเละ หรือนัดที่นำ สเปอร์ส สองลูกในครึ่งแรกแต่แนวรับกลับต้านทานไม่ไหวก่อนโดนตีเสมอในครึ่งหลัง

ยิ่งสถานการณ์ในลีกตอนนี้เปิดกว้างกว่าเดิมเพราะ ลิเวอร์พูล ดันมาแรงช่วงปลายซีซั่นตามหลังเหลือ 4 คะแนน แม้ว่า ปิศาจแดง จะแข่งมากกว่า 1 เกม แต่หากพิจารณาผลงานก็ไม่แปลกที่จะมีความกังวลเกิดขึ้น

ยิ่งแนวรับดูง่อนแง่นเช่นนี้ บวกกับมีเกมเยือนทั้ง เวสต์แฮม และ บอร์นมัธ รออยู่จึงน่าสนใจว่า เทน ฮาก จะสามารถแก้ไขหรือปลุกใจให้ทีมกลับมามั่นคงได้หรือไม่

หรือหากมองภาพรวม 5 นัดที่เหลือ ปิศาจแดง จะดวลกับ เวสต์แฮม (ย), วูล์ฟส์ (ห), บอร์นมัธ (ย), เชลซี (ห) และ ฟูแล่ม (ห) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานไม่ง่ายเพราะช่วงปลายซีซั่นแบบนี้ทุกทีมต้องการชัยชนะเพื่อเป้าหมายของตนเองและเพื่อมอบความสุขกลับไปให้แฟนบอล ซึ่งทาง ยูไนเต็ด ต้องรีบคืนผลงานในเวลาอันสั้นหลังจากนี้หากว่าปรารถนาทำเป้าหมายของตนเองให้สำเร็จ

บวกกับการลุ้นโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ตอนนี้โดนจี้ขึ้นมา สิ่งสำคัญคือ ปิศาจแดง จำเป็นต้องคว้า 3 คะแนนให้ได้เท่านั้นเพื่อรักษระยะห่าง และนั่นคืองานสำคัญในเกมวันอาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง