:::     :::

33 ปีที่รอคอยของ นาโปลี (2)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มาต่อกันในตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบเรื่องราวความสำเร็จของ นาโปลี ที่จบช่วงเวลารอคอยอันเนิ่นนาน 33 ปี กลับมาคว้าสคูเด็ตโต้ได้สำเร็จ ไปติดตามกันได้เลย

นาโปลี ออกสตาร์ตฤดูกาล 2022/23 ได้ทรงพลังด้วยการชนะ 13 เสมอ 2 ไม่แพ้เลยใน 15 นัดแรก ทำให้ทิ้งห่างคู่แข่ง 8 คะแนนก่อนเบรกชั่วคราวหลีกทางให้ฟุตบอลโลก 2022

แม้กลับมาแข่งหลังจบฟุตบอลโลกจะพ่ายเป็นนัดแรกต่อ อินเตอร์ มิลาน แต่ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ก็พาทีมแก้ตัวด้วยการชนะ 8 นัดรวดซึ่งรวมถึงเกมแห่งความทรงจำไล่บดขยี้ ยูเวนตุส 5-1 จนเป็นชัยชนะเหนือยักษ์ใหญ่จากตูรินที่ขาดลอยสุดในรอบ 33 ปี

นาโปลี ยึดบัลลังก์จ่าฝูงแบบนำโด่งจนมีลุ้นทำสถิติมายมายทั้งเป็นแชมป์ด้วยการทิ้งห่างคะแนนมากสุด และได้แชมป์เร็วสุด

ขณะเดียวกัน หลายทีมใหญ่ก็เจอปัญหาแตกต่างกันไป เอซี มิลาน ในฐานะแชมป์เก่า ไม่สามารถรักษาระดับการเล่นเอาไว้ได้ 

ส่วน อินเตอร์ มิลาน ที่ลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้ายในฤดูกาลที่แล้ว ถูกคาดหมายว่าจะทำได้ดีขึ้นหลังดึง โรเมลู ลูกากู กลับมาร่วมทีมอีกรอบ ทว่าเอาเข้าจริงก็ไม่คงเส้นคงวา และเริ่มต้นฤดูกาลย่ำแย่แพ้ถึง 4 จาก 8 นัดแรก แถมภาคสองของ ลูกากู ก็ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม

เช่นเดียวกับขั้วอำนาจเก่าอย่าง ยูเวนตุส ที่เจอปัญหาคดีทางการเงินจนถูกลงโทษตัดถึง 15 แต้ม แม้จะสู้คดีจนได้แต้มกลับมา แต่ก็ไม่ใช่ผู้ท้าชิงของ นาโปลี อีกแล้ว

ในวันที่ นาโปลี แยกทางกับ กูลิบาลี่, อินซินเญ่ และ เมอร์เท่นส์ ในการรับรู้ของทุกคนคือ การเสียผู้เล่นประสบการณ์ออกจากทีม แต่อีกด้านหมือนกับปลดล็อคบางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างในใจนักเตะเหล่านี้ซี่งเคยพลาดแชมป์น่าเสียดายในยุค เมาริซิโอ ซาร์รี่ 

นาโปลี ยุคใหม่จึงมาพร้อมความมีชีวิตชีวา กล้าลุย กล้าเล่น และไม่กลัวใคร  


ควารัตสเคเลีย และ คิม มิน-แจ (2 คนขวา) จิ๊กซอว์ลับสู่บัลลังก์แชมป์

เกมรับของทีมที่เสียน้อยสุดในฤดูกาลก่อน ยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิมในฤดูกาลนี้ ทว่ามีความแตกต่างกันในรายละเอียดไล่ตั้งแต่ อเล็กซ์ เมเร็ตซ์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งคนใหม่ ไม่ได้ขึ้นเกมจากข้างหลังมากเท่า ดาวิด ออสปิน่า 

แบ็กโฟร์กล้าขยับดันสูงขึ้นกว่าเดิม และมีส่วนร่วมในการเล่นเกมรุกมากกว่าเดิม มาริโอ รุย เติมเกมรุกราวกับเป็นตัวปั้นเกมหมายเลข 10 ที่เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย

"นายเห็น คิม เล่นแล้วหรือยัง?" สปัลเล็ตติ เคยคุยกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ อดีตกองหลังระดับตำนานของ ยูเวนตุส "เขาคือสัตว์ป่าดีๆ นี่เอง ในเวลาที่เขาอ่านจังหวะอันตรายได้ เขาสามารถวิ่งสปีดไปถึงทุกที่ เขามีความต้องการเล่นบอลอยู่เสมอ"

"ตอนอยู่ที่ คาสเตล โวลทูร์โน่ ผมถึงกับต้องหยุดเขาไม่ให้ไปเข้าร่วมกับทีมสำรองของเรา" สปัลเล็ตติ กล่าวซึ่งในมุมมองของเขายกให้ปราการหลังจากเอเชียรายนี้เป็นเซนเตอร์แบ็กที่เก่งที่สุดในโลกคนปัจจุบันไปแล้ว

ขณะที่แดนกลาง ผู้เล่นแต่ละคนสอดประสานและเติมเต็มกันและกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

นาโปลี เป็นทีมเดียวในลีกที่ครองบอลเฉลี่ยได้มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และผ่านบอลมากกว่า 600 ครั้งต่อนัด

สตานิสลาฟ โลบ็อต้า กองกลางร่างเล็กทีมชาติสโลวาเกีย เก็บบอลครองบอลได้เหนียวแน่น สปัลเล็ตติ ยกย่องว่า "เขาทำให้เรามีจังหวะในการโจมตีพื้นที่ว่าง เขาเหมือนกับ อันเดรส อีเนียสต้า ที่น่าจะตามประกบได้ง่าย แต่แล้วก็สลัดหนีไปได้อย่างรวดเร็ว"

วิธีการเล่นเกมรุกของนาโปลีในฤดูกาลนี้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยในฤดูกาลที่แล้ว ผู้เล่นอย่าง อินซินเญ่ และ ฟาเบียน รูอีซ มักหาโอกาสส่องจากระยะไกลบ่อยครั้ง ทำให้ยิงได้ถึง 13 ประตูจากนอกเขตโทษ และมีเพียง แมนฯ ซิตี้ (15 ครั้ง) ที่ยิงได้มากกว่าในบรรดาทีม 5 ลีกใหญ่ยุโรป

แต่ปีนี้ ความพยายามลุ้นยิงไกลของทีมลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ และจนถึงตอนนี้เพิ่งมีประตูเดียวของ ควารัตสเคเลีย ที่มาจากการนอกเขตโทษ 


วิคเตอร์ โอซิมเฮน ระเบิดฟอร์มสุดยอด

สไตล์การเล่นของ ควารัตสเคเลีย และ อินซินเญ่ ในตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้ายอธิบายถึงตัวเลขที่เปลี่ยนไปได้อย่างดี 

เจ้าของฉายา 'ควาราโดน่า' เป็นนักเตะที่เล่นทั้งสองทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแทนที่จะเลี้ยงตัดในบ่อยครั้งเหมือนปีกส่วนใหญ่ยุคปัจจุบัน เขามักจี้เข้าหากองหลังเพื่อเรียกฟาวล์ หรือไม่ก็พาบอลเข้าไปเขตโทษให้ใกล้ประตูคู่แข่งมากที่สุด 

อีกเหตุผลคือการมี โอซิมเฮน ที่มีประสบการณ์มากขึ้นในลีกอิตาลีปักหลักหน้าเป้าซึ่งหัวหอกทีมชาติไนจีเรียมีทั้งความเร็วและวิ่งสอดทะลุกองหลังคู่แข่งได้ดี รวมถึงสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ครบเครื่องซึ่งเป็นสิ่งที่ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ขาดไป 

นั่นทำให้ฤดูกาลนี้ นาโปลี มีการเปิดบอลจากด้านข้างเข้าเขตโทษเพิ่มขึ้นเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ และได้ประตูจากลูกโหม่งมากถึง 7 ประตูในฤดูกาลนี้ (นับถึงเกมเสมอ อูดิเนซ่ 1-1 ที่คว้าแชมป์) 

การเล่นเกมรุกของ นาโปลี ทำให้คู่แข่งรับมือได้ยากเพราะไม่ว่าจะเซตเกมรับอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดได้

ถ้าดันสูงเกินไปก็รอโดนการจ่ายทะลุแนวรับ หรือหากรับต่ำก็เหมือนเชื้อเชิญให้ ควารัตสเคเลีย จี้เข้าใส่ แถมยังต้องพะวงกับลูกกลางอากาศที่ โอซิมเฮน รอจังหวะทิ้งบอมบ์ตลอดเวลา

หากเปลี่ยนเป็นไล่เพรสซิ่งสูง นาโปลี ก็พร้อมเล่นบอลยาวสาดทิ้งให้ โอซิมเฮน ใช้สปีดวิ่งไล่บอล นอกจากนี้ ลูกตั้งเตะต่างๆ ก็อันตรายไม่แพ้กันด้วยตัวเลข 23 ประตู เรียกได้ว่าแทบไม่มีทางหยุดเกมรุกของนาโปลีได้เลยเนื่องจากมีการเข้าทำทุกรูปแบบจริงๆ

ในบางครั้งที่ โอซิมเฮน แผลงฤทธิ์ไม่ออก แต่ทีมก็ยังมีทีเด็ดจากม้านั่งสำรองที่ยิงรวมกันได้ถึง 15 ประตูในฤดูกาลนี้ และหลายประตูก็สำคัญด้วย


ตอนที่ โฮซิมเฮน บาดเจ็บถูกเปลี่ยนตัวออกในท้ายครึ่งแรกของเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มกับ ลิเวอร์พูล โจวานนี่ ซิเมโอเน่ ที่ลงแทน โอซิมเฮน ได้เพียง 3 นาทีก็ยิงประตูได้ทันที และเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมบุกชนะแชมป์เก่ามิลานถึงซาน ซิโร่ อีกด้วย

ในเกมบุกชนะ อาแจ็กซ์ ถึง 6-1 ทีเด็ดอีกคนอย่าง จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ลงสำรองยิง 1 จ่าย 1 และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การเป็นซูเปอร์ซับยิงประตูเดียวตัดสินเกมในช่วงทดเจ็บเกมที่ นาโปลี บุกชนะ ยูเวนตุส ถึงตูริน 1-0 พร้อมกับทำสถิติหักขาม้าลายได้เหย้า-เยือนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/10 

  ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงและนำโด่งมามาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แฟนบอลนาโปลีต่างมั่นใจล่วงหน้าว่าทีมรักจะกลับมาคว้าสคูเด็ตโต้ได้อย่างแน่นอน ความคึกคักเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในเมืองเนเปิ้ลส์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่งบอกความเป็น "นาโปลี" ถูกแสดงออกมาผ่านสิ่งของต่างๆ ทุกค่ำคืนของเมืองมีชีวิตชีวาราวกับวันคริสต์มาส

ธงสโมสร ป้ายชื่อ เสื้อ ผ้าพันคอ ฯลฯ ถูกประดับประดาตามบ้านพัก ร้านรวง และผับบาร์ต่างๆ ส่วนตามกำแพงและผนังตึกก็มีการติดโปสเตอร์หรือไม่ก็พ่นสีเป็นภาพนักเตะชุดปัจจุบันเคียงข้างกับตำนานตลอดกาลอย่าง มาราโดน่า

มวลความสุขที่แฟนบอลนับถอยหลังสู่การสิ้นสุดการรอคอยยังรวมไปถึงมีเด็กเกิดใหม่ถูกตั้งชื่อว่า ดานิเอเล่ ควิช่า ตามชื่อของ ควิช่า ควารัตสเคเลีย นอกจากนี้ หน้ากากป้องกันการกระแทกใบหน้าของ โอซิมเฮน ก็ถูกทำขึ้นเป็นของที่ระลึกที่มาพร้อมกับความเชื่อว่าใครใส่แล้วจะโชคดี 


ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ รู้สึกทึ่งและบอกว่าไม่มีแฟนบอลทีมไหนอีกแล้วที่โหยหาตำแหน่งแชมป์สคูเด็ตโต้มากไปกว่านี้ 

ขณะที่ มัสซิโม่ อัลเลกรี กุนซือ ยูเวนตุส ยอมรับว่าสคูเด็ตโต้หนึ่งครั้งในเปิ้ลส์มีคุณค่ามากกว่า 10 ครั้งที่ตูรินเพราะมันมีความหมายต่อชาวเนเปิ้ลส์จริงๆ 

สิ่งที่ ออเรลิโอ เลาเรนตีส พูดหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวจบเกมกับ อูดิเนเซ่ คือ วันนี้เราก้าวขึ้นาถึงจุดสูงสุดหลังจากรอมานาน 33 ปี ตอนผมมาถึงสโมสร ผมพูดเอาไว้ว่าขอเวลา 10 ปีพาเราไปยุโรป เราทำมันได้ก่อนกำหนด" 

"ผมบอกด้วยว่าขออีก 10 ปี เพื่อนำสคูเด็ตโต้กลับมาสู่เราอีกหน และเราทำได้อีกล่วงหน้าสองปีด้วย"

"ตอนนี้ เราต้องการจะแชมป์อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง และแน่นอนเราคิดถึงแชมเปี้ยนส์ ลีก เหลือเกิน"

ขอแสดงความยินดีกับ นาโปลี อีกครั้ง นี่คือความสำเร็จที่คู่ควรอย่างแท้จริง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด