ปัญหาที่แก้ไม่ได้เสียที
เป็นปัญหาเดิม ๆ คาราคาซังมานานที่ มาโน โพลกิง แก้มันไม่ได้เสียที ตั้งแต่รับงานเฮดโค้ชทีมชาติไทย
นั่นคือรูปแบบการเข้าทำประตู ในพื้นที่สุดท้าย
เกมพบ ไต้หวัน ทีมชาติไทย มีเปอร์เซ็นต์การครองบอลมากกว่าคู่แข่งมากมาย หากแต่วัดกันในจังหวะลุ้นประตูกลับเป็น ไต้หวัน ที่มีน้ำมีเนื้อมากกว่า
ฟุตบอลของ มาโน ยังคงคอนเซปต์แบบเดิม เล่นเกมบุกดุดัน เน้นการครองบอล แต่เจาะเกมรับคู่ต่อสู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมแรงกิ้งต่ำกว่า หรือทีมระดับเดียวกัน ยิ่งเวลาเจอกับคู่ต่อสู้ที่เล่นไลน์เกมรับต่ำ “ช้างศึก” จะตื้อไปดื้อ ๆ
ปัญหาคือเมื่อเจาะคู่แข่งไม่เข้า ทีมชาติไทย ทำได้เพียงเคาะบอลไปมา ถูกบีบก็คืนหลังตั้งเกมใหม่ ไม่ก็ทำบอลเสียเองจนถูกสวนกลับ วนลูปไปมาเช่นนี้
สาเหตุสำคัญคือ ทีมไม่มีวิธีการเล่นที่หลากหลายมากพอ ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่ความผิดของนักฟุตบอล แต่คนเป็นกุนซือต่างหาก ที่ต้องป้อนรูปแบบการเล่น แท็คติกใส่มันลงไปให้นักเตะ ว่าคุณจะทำเช่นไรหากเจาะคู่แข่งไม่เข้า
แต่เรายังไม่เห็น “วิธีการ” เหล่านั้นเลย
เกือบ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ มาโน เข้ามาทำทีมชาติไทย เขายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ทั้งที่ “จุดอ่อน” ตรงนี้ของทีมชาติไทยควรถูกกลบแล้วแท้ ๆ ทว่ากลับเรื้อรังมาถึงปัจจุบัน
จริงอยู่สมัยคุม ทรู แบงค็อกฯ เขาสามารถสร้างเกมรุกให้ดูดุดันเกรี้ยวกราดได้ แต่นั่นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขามีผู้เล่นต่างชาติที่ความสามารถเฉพาะตัวดี คอยแบกเกมรุก และสร้างจุดเปลี่ยนในพื้นที่สุดท้าย
แต่นั่นไม่ใช่ “ข้ออ้าง” อยู่ดี
ทีมชาติไทย อาจไม่ได้มีนักเตะเหมือนแข้งต่างชาติที่อิมพอร์ตเข้ามาในลีก ทว่าก็มีแนวรุกฝีตีนดีหลายคน แม้ล่าสุดจะไร้นักเตะจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทว่าแนวรุกเองก็ถือว่าฟูลทีม
มาโน เองอยู่กับฟุตบอลไทยมาเป็น 10 ปี รู้จักมักจี่ผู้เล่นหลายคนอยู่แล้ว เขาเองควรรู้ว่าใครที่สไตล์การเล่นเข้ากับระบบทีมที่ตัวเองดูแล
แต่ถึงวันนี้เรายังได้ยินคำว่า “ทดลอง” อยู่เหมือนเดิม ในวันที่ผลการแข่งขันไม่เป็นดังใจ
คำถามคือเมื่อไหร่ทีมชาติไทยจะได้ทีมชุดที่ดีสุดเสียที ?
หากไม่ชนะ แต่มีการแก้เกมช็อตต่อช็อตระหว่างเกม เจาะคู่แข่งไม่ได้ แต่ “ชัดเจน” ในรูปแบบจังหวะการเล่น ยังพอเข้าใจได้
แต่เรายังไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นในรูปแบบการเล่นของ มาโน
เกมรุกว่าตื้อแล้ว เกมรับเองก็มีปัญหาไม่ต่างกัน เราเสียประตูจากลูกตั้งเตะบ่อยมากในช่วง 3-4 เกมหลัง ทั้งที่คู่ต่อสู้ที่เจอนั้นสรีระไม่ได้แตกต่างจาก ทีมชาติไทย เลยด้วยซ้ำ
หาก มาโน ยังติดอยู่กับวังวนเดิม ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ ทีมชาติไทย ก็เลิกฝันว่าจะถีบตัวเองไปสู่ “ระดับเอเชีย” ได้เลย เอาแค่เจอทีมจากอาเซียนเวลานี้ อาจเหนื่อยด้วยซ้ำ
เราเชื่อว่า ทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ดีพอจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ หากมีเชฟลูกหนังฝีมือดี สามารถหยิบจับวัตถุดิบในมือปรุงออกมาได้กลมกล่อม
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ทีมฟุตบอลต่อให้มีนักเตะเก่ง ๆ หากแต่คนเป็นกุนซือแก้เกมไม่ได้ ทีมก็ไปต่อไม่ไหว
แมตช์พบ ฮ่องกง จึงเป็นอีก 1 เกมที่สะท้อนให้เห็น ว่า มาโน โพลกิง เป็นแบบนั้นหรือไม่ ?