ต้องยอมรับว่าทัพ “โสมขาว” มาตรฐานสูงจริงๆ ทั้งในเรื่องของร่างกาย รูปร่างที่สูงใหญ่ ความฟิต สปีดบอล ระบบการเล่น ทุกอย่างเหนือกว่า ไทย หลายขุม
แต่ต้องชม พิภพ อ่อนโม้ เฮดโค้ชและน้องๆ ทุกคนที่งัดแผนวิ่งสู้ฟัดชนิดไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีบิ๊กทีมของเอเชีย แม้สุดท้ายผลการแข่งขันจะจบลงด้วยคราบน้ำตา
เอาเป็นว่ากลับไปฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวไปติดทีมชาติไทย รุ่นต่อไปและชุดใหญ่ในอนาคต ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฟุตบอลไทยจะก้าวไปใกล้เคียงกับพวกเขา เพราะนับวันบรรดาทีมเหล่านี้ทั้ง เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น ค่อยๆ ทิ้งห่างเราออกไปเรื่อยๆ เชื่อว่าไม่กี่ปีข้างหน้าพวกเขาจะก้าวไปเป็นทีมระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แต่ที่เจ็บซ้ำช้ำสองคงหนีไม่พ้นเรื่องราวแฟนบอลกลุ่มเดิมๆ ที่สร้างความเดือดร้อนและทำลายภาพลักษณ์ให้ฟุตบอลไทยดูแย่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือการจุด “พลุแฟลร์” และโยนลงมาในสนามในช่วงที่นักเตะเข้าไปขอบคุณหลังจบเกม
ทำให้นักเตะต้องรีบเดินเข้าห้องแต่งตัว เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย แต่แฟนบอลกลุ่มดังกล่าวยังใช้ถ่อยคำหยาบคายและชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์เชิงด่านักเตะที่เพิ่งพุ่งชนความพ่ายแพ้มาหยกๆ โดยไม่คำนึงเลยว่านี่คือกลุ่มนักเตะที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ
น่าเสียดายที่บรรยากาศในเกมที่บีจี สเตเดียม เต็มไปด้วยความคึกคัก มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมเนื่องแน่นกว่า 6 พันคน สามารถปลุกเร้านักเตะให้ฮึกเหิม เรียกว่าเป็นหนึ่งในแมตช์สุดประทับใจของฟุตบอลไทยกลับถูกทำลายอย่างสิ้นซาก ประสบการณ์ดีๆ ในสนามที่นักเตะควรได้รับกลายเป็นเหตุการณ์ที่บั่นทอนจิตใจเหลือเกิน
แค่แพ้และอดคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกเจ็บช้ำมากแล้ว ยังโดนแฟนบอลชาติตัวเองทำพฤติกรรมที่ไม่ดีใส่อีกมันช่างเจ็บปวดซ้ำสองจริงๆ
ก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เคยถูกลงโทษจาก สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี รวมถึง สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน จากการจุดพลุแฟลร์ในสนามมาแล้ว ครั้งแรก วันที่ 6 ก.ย. 2014 โดนปรับ 360,000 บาท ในฟุตบอลยู-16 ชิงแชมป์เอเชีย 2014
ครั้งที่สองวันที่ 17 ธ.ค.2016 โดนปรับ 1.1 ล้านบาท ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 รอบชิงชนะเลิศ ครั้งที่สาม วันที่ 26 ธ.ค.2022 โดนปรับ 7 แสนบาท ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 และล่าสุดมีนาคม 2023 โดนปรับ 2.4 ล้านบาทในฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย 2023
รวมแล้วสมาคมฯ ต้องเสียเงินที่ไม่ควรเสียถึง 4,560,000 บาทเลยทีเดียว
ที่หนักไปกว่านั้นคือ ประเทศไทย อาจถูกลงโทษสถานหนักมีผลกระทบต่อฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ที่จะจัดที่ชลบุรีในเดือนกันยายนนี้ รวมถึง ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ในเดือนตุลาคมด้วย
ทั้งนี้อยู่ที่ว่า เอเอฟซี จะพิจารณาโทษตั้งแต่การห้ามแฟนบอลเข้าสนามในเกมเหย้า หรือหนักกว่านั้นคือการให้ไปเล่นสนามกลางแทน นั่นจะทำให้ ไทย เสียเปรียบคู่แข่งขันที
ทางสมาคมฯ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ จัดการเอาจริง หวังรวบรวมหลักฐานเดินหน้าเอาผิดกับผู้ก่อเหตุอันน่าอับอายนี้ให้ได้ หากนำผู้กระทำผิดมาทำลงโทษได้รับรองว่าเครดิตดีๆ จะพุ่งมาหาสมาคมฯ แน่นอน
ตอนนี้สมาคมฯ เองโดนพายุโหมเข้าใส่ทุกทาง อย่างน้อยการจับคนผิดมาลงโทษได้ รับรองว่าจะได้รับเสียงปรบมือจากแฟนบอลได้ไม่น้อย
ทางฟุตบอล “บิ๊กอ๊อด” อาจไม่ถนัด เรื่องจับโจรในคราบลูกหนัง อย่าให้เสียชื่ออดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติครับ
เชือดไก่ให้ลิงดูสักที!!!
