:::     :::

"ใดใดในโลกล้วนไดนามิค" Mason Mount มาแล้ว!!!!

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,869
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทความที่จะตอบแฟนผีให้กระจ่างได้ว่า ทำไมแมนยูต้องเซ็นเมสัน เมาท์ มันใช่ตำแหน่งที่ขาดจริงหรือ ไหนว่าขาดกองหน้า ทำไมไม่เอากองกลางแข็งๆเข้ามาคุมเกม และเขาจะเข้ามาเล่นยังไงบ้างในทีม ทั้งหมดนี้มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ในที่สุดก็สำเร็จจนได้สำหรับดีลของ เมสัน เมาท์ ที่แมนยูไนเต็ดตกลงกับเชลซีครึ่งทางกันได้ที่ราคา 55 ล้านปอนด์ + 5 ล้าน add-ons คว้ามิดฟิลด์ตัวรุกวัย 24 ปีรายนี้ได้สำเร็จ โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญากัน 5+1 ปีจนถึง 2028 ด้วยค่าเหนื่อยราว 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รวมโบนัสอาจจะขึ้นถึง 300k ได้ ตามรายงานของ David Ornstein, Matt Law และ Fabrizio Romano

เมื่อคว้าตัวได้สำเร็จแล้ว เชื่อว่าแฟนผีจำนวนมากยังคงคาใจว่า "ทำไมต้องเมาท์" ทีมเราไม่ได้ขาดตัวรุก ทีมเราขาดกลาง ขาดกองหน้า ขาดโกล ซื้อเมาท์มาทำไม? ไม่แปลกที่แฟนบอลจะถาม

แต่ถ้าพิจารณาถึงจุดอ่อนของแมนยูจริงๆ ทีมเราขาดมิติของเมสัน เมาท์ ในทีมแมนยูแบบเต็มๆ 

เราไม่ได้ขาดผู้เล่นตัวรุก แต่เราขาดมิติของเมสัน เมาท์ ที่เราไม่มีอยู่ และบทความนี้จะอธิบายให้เห็นวิธีการใช้งานเบื้องต้นของเขากับปีศาจแดงของเทน ฮาก ชายผู้สนใจจะยืมตัวเมาท์ตั้งแต่ปี 2018 แต่พลาดโอกาสไป

ประเด็นหลักสำคัญที่สุด ที่ทำไมเทน ฮาก ต้องซื้อเมาท์ คำตอบที่ชัดเจนมากๆคือ แมนยูไนเต็ดชุดนี้ แผงกลางขาด "ไดนามิคการเล่น" พอสมควร

Dynamic คือการเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ไม่หยุดนิ่ง ในความหมายของฟุตบอลคือเรื่องการเคลื่อนที่ในสนามล้วนๆว่ามีพละกำลังมากน้อยเท่าไหร่ที่จะสร้างปริมาณการเคลื่อนที่ให้ได้ตลอดเวลา ซึ่งเกี่ยวพันกับพลังงานในการเล่น การคัฟเวอร์พื้นที่ในสนามให้ครอบคลุม รวมถึงความเร็วในการเล่น

การเคลื่อนที่ตลอดเวลาเช่นนี้ ต้องใช้ระบบระเบียบในการเล่นที่ชัดเจน ต้องวางการเล่นให้ถูกต้อง ไม่ใช่เคลื่อนที่ไปเรื่อยมั่วซั่วในสนาม มันจะมีแพทเทิร์นและวิธีคิดกำกับอยู่

ไดนามิคของทีมที่เราขาด คือพละกำลังที่เพียงพอในการฟุตบอลเคลื่อนที่ของเทน ฮาก, ขาดพลังงานในการเล่น รวมถึงความรวดเร็ว ที่บางครั้งกลางของเราตามคู่แข่งไม่ทัน

ทีมมีสปีดการเล่นและพลังงานอยู่ในตัวเล่นแนวรุกด้านบนอยู่พอสมควร ทั้งอันโทนี่ แรชฟอร์ด ซานโช่ แต่กลางมีบรูโน่คนเดียวที่แบกไว้ได้ ขณะที่เฟร็ดเป็นเพียงแค่สำรองของทีม กลางแมนยูเวลาเจอทีมที่มีไดนามิคเหนือกว่า มักจะเสียเปรียบ และเล่นยากอยู่เสมอ

เห็นชัดๆคือเกมเจอพวกซิตี้ ลิเวอร์พูล ลีดส์ พวกนี้มีไดนามิคสูงๆทั้งสิ้น อย่างเกมเจอซิตี้ เขามีการครองบอลเล่นที่เหนียวแน่น และไดนามิคการเคลื่อนที่หาตำแหน่งตลอดเวลา เราก็มักจะโดนเล่นงานก่อนอยู่ตลอด

หรืออย่างทีมสายเพรสซิ่งเช่นลีดส์ หรือ ลิเวอร์พูล พลังงานของแมนยูเวลานึกย้อนไปแล้ว มักจะสู้ทีมอื่นๆไม่ค่อยได้อยู่บ่อยๆ นั่นคือคำตอบว่า ไดนามิคของทีมยังคงขาดอยู่อีกเยอะมาก

นี่จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำไมเทน ฮาก ต้องการตัวเล่นสายเคลื่อนที่จัดๆ ไดนามิคสูงๆแบบเมสัน เมาท์ เข้ามาเติมพลังในตรงนี้ให้ทีม เพราะจุดเด่นของเมาท์จริงๆคือเรื่องของพลังงานการเคลื่อนที่ ที่รวดเร็วและแข็งแกร่ง ตรงนี้โคตรตอบโจทย์บอล Pass and Move ที่ใช้การเคลื่อนที่ เติมเกมรุก เป็นอาวุธหลัก

ก็การเล่นของเมสัน เมาท์นี่ไง อาวุธสายตรงของบอสเลยแหละ

พื้นที่การเล่นของเมาท์ เล่นได้ทั้งตรงกลางที่ถนัด และถ่างออกไปริมเส้นก็ยังเล่นได้ ตามที่เขาถนัดและเล่นอยู่ที่เชลซีอยู่แล้วในระบบที่เคยเป็น 3-4-2-1 ในฐานะตัวรุกแถวสอง เล่นเป็นตัวรุกกึ่งปีกที่หุบเข้าในมาแบบตัว Inside ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้พลัง ความเร็ว และการเคลื่อนที่สูงมากๆ ยิ่งเคลื่อนที่ดียิ่งสร้างความเหนือกว่าคู่แข่งได้

ทั้งในตอนมีบอล และ ไม่มีบอล ซึ่งจังหวะไม่มีบอลนี่แหละสำคัญ ที่พลังงานความอึด และความขยัน (stamina & work rate) ที่เป็นจุดแข็งของเมาท์ สามารถเล่นเกมเพรสซิ่งให้ทีมได้ด้วย

แมนยูจะมีเกมเพรสซิ่งเยอะกว่าเดิมจากซีซั่นที่ผ่านมา เพราะลูกทีมไม่แกร่งพอจะยืนระยะได้ แต่ตอนนี้ตัวเล่นสดๆเข้ามาเติมทีมแล้ว บอลเพรสซิ่งน่าจะได้เห็นการวิ่งเข้าบวกแบบเต็มกำลังใส่คู่แข่งมากกว่าเดิมของทีมเราตอนไม่มีบอล ยิ่งเล่นจังหวะ transition play ด้วยยิ่งเหมาะ

เพราะฉะนั้นเขียนมาถึงตรงนี้ นึกภาพย้อนไปว่า แมนยูขาดพลังงานในแดนกลางเยอะพอควร ไดนามิคการเคลื่อนที่น้อยมาก เพราะเอริคเซ่นไม่ใช่ตัวเล่นที่จะทำแบบนั้นได้ตลอด คาเซก็ต้องคุมเกมคุมพื้นที่ช่วยแผงหลัง ถ้าเติมตรงกลางมาด้วยเมสัน เมาท์ เกมกลางสนามของทีมจะสดขึ้น เร็วขึ้น เคลื่อนที่มากขึ้นกว่าเดิม

การเคลื่อนที่นี่แหละที่ส่งผลทั้งภาคการ build-up และการเติมพลังในเกมรุกให้ทีม

เอาคำอธิบายแบบง่ายๆมานำเสนอให้เห็นถึงวิธีการใช้งานของ เมสัน เมาท์ ในรูปแบบการเล่นหลักของแมนยูไนเต็ดปัจจุบันนี้ที่เป็นทรงการเล่นที่ไฮบริดระหว่าง 4-2-3-1 double pivot ในปีที่ผ่านมา จะกลายเป็นทรงที่มีความเป็น 4-3-3 เพิ่มมากขึ้น และเติมไดนามิคเพิ่มให้กับทีม

โดยเมสัน เมาท์ จะทดแทนพื้นที่ของคริสเตียน เอริคเซ่นได้ แต่จะดันเกมสูงกว่า และเติมไดนามิคการเคลื่อนที่กลางสนามได้มากกว่าเอริค เซ่น จากการขยับตำแหน่ง(Positioning) ของ Mason Mount ตามลำดับภาพข้างล่างนี้

1. เมาท์สามารถลงต่ำมาเป็นตัวรับบอลในแดนกลางได้ โดยการขยับลงมาใกล้กับตัวประคองต่ำอย่าง คาเซมิโร่ แล้วรับบอลที่เซ็ทอัพจากแผงหลัง นั้นคือเฟสแรกที่เป็นพื้นที่ต่ำสุดของเมสัน เมาท์ คือตำแหน่งการยืนที่ถัดขึ้นมาจาก DM ตัวล่างสุดอย่างคาเซมิโร่

ความแตกต่างของเมาท์ กับ เอริคเซ่น ในตำแหน่งนี้คือ เมาท์อาจจะไม่จำเป็นต้องลงต่ำเท่ากับเอริคเซ่น ที่บางครั้งถอยต่ำลงไปยืนถึงตำแหน่งแบ็ค เมาท์จะไม่ลงไปขนาดนั้น จะคุมตำแหน่งของตัวเองอยู่ในพื้นที่ที่สอง ในจังหวะการ build-up ช่วงพื้นที่ Middle Third ในสนาม ตามภาพที่หนึ่ง

2. เมสัน เมาท์ จะขับเคลื่อนเกมแดนกลางอาจจะด้วยการพาบอลขึ้นมาเอง หรือเล่นร่วมกันกับวิงแบ็คที่เติมสูงขึ้นมาช่วยงานกลางและปีก จากในรูปนี้คือเพื่อนซี้พี่แกนั่นแหละ "ลุค ชอว์" จะเป็นตัวซัพพอร์ทการเคลื่อนที่ของเมสัน เมาท์ ด้วยการเป็น receiver รอรับการถ่ายบอลจากเมาท์อยู่ด้านข้าง

เพื่อให้เมาท์เคลื่อนที่เติมเกมได้อิสระมากขึ้น เวลาเจอขวาง เวลาเจอเพรส จะหยุดไม่ค่อยได้ ถ้ามีตัวเติมมาช่วยเมาท์ในพื้นที่ภาพที่ 2 นี้

3. เข้าสู่พื้นที่ทำการของเมาท์ ตรงจุดนี้สามารถดันเกมขึ้นมาได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น ที่รับบอลมาจากกลางต่ำอย่างคาเซมิโร่ในภาพ1 หรือจะใช้การเล่นร่วมกับตัวด้านกว้างอย่างชอว์ ในภาพที่ 2

แต่สังเกตให้ดีๆ พื้นที่การเล่นของเมาท์ จะเคลื่อนที่สูงขึ้นมาในแนว vertical ของสนามได้แล้ว ซึ่งก็จะส่งผลให้เกมของทีม สร้าง Ball progression ขึ้นหน้าได้จากการ carries บอลเยอะขึ้น เหนียวแน่นขึ้น ไม่เสียกลางทางง่ายๆ

และบอลจะรวดเร็วขึ้นเยอะ ไม่ใช่ต่อบอลกันป้อกแป้กช้าๆเหมือนที่ผ่านมา เกมตรงนี้จะมีไดนามิคมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

4. เมื่อดันเกมขึ้นมาได้แล้ว เมสัน เมาท์ กับทีมจะอยู่ในทรง 4-3-3 ทันที และเล่นด้วยการมีมิดฟิลด์ทำเกมแดนกลางสองตัวในลักษณะ 8s คล้ายๆกับที่ซิตี้ทำ การปั้นเกมจะเกิดขึ้นด้วยมิติที่แตกต่างกันระหว่าง เมาท์ กับ บรูโน่ จะช่วยสร้างความหลากหลายให้ทีม

เทียบกับก่อนหน้านี้ บรูโน่ กับ เอริคเซ่น มิติการเล่นเวลาขึงเกมคู่แข่งในแดนบน จะค่อนข้างคล้ายและทับซ้อนกันมาก จากนี้แดนบนนอกจากพลังงานจะเพิ่ม ไดนามิคกลางสนามจะทรงพลังขึ้น ความหลากหลายในเกมรุกจะมากกว่าเดิม

ที่สำคัญ เมาท์เปิดบอลข้ามฟากได้ดี ครอสบอลจากริมเส้นได้ ที่สำคัญ วางเท้ายิงไกลได้ยอดเยี่ยม คราวนี้คู่แข่งระวังบรูโน่คนเดียวไม่ได้ เมสัน เมาท์จะเป็นตัวที่เจาะเข้าไปได้ด้วยตนเองอีกหนึ่งคน

เกมรุกแมนยูจะดุดันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมแนวรุกของทีม ได้ยกระดับเรื่องของ Squad Depth แบบเต็มๆ เพราะมีตัวผู้เล่นที่เก่งขึ้นเข้ามาช่วยเสริมทีม


การเป็นตัวขึ้นเกมของ เมสัน เมาท์ สามารถทำได้คู่กันกับบรูโน่ แฟร์นันด์ส ในลักษณะของกลางคู่ตัวบน ที่สลับหน้าที่กันได้ อย่างเช่นภาพข้างบนนี้ เราสามารถถอยบรูโน่ลงต่ำมาได้อีก เพื่อช่วยเชื่อมเกมให้คาเซมิโร่ โดยมีไดนามิคการเล่นที่แข็งแกร่ง ทั้งการวิ่งที่พลังไม่หมด และการเปิดเกมจากแนวต่ำได้ในฐานะ DLP ซึ่งบรูโน่มีจุดแข็งเป็นพลังแฝงซ่อนอยู่ตรงนี้อีก 

พูดง่ายๆว่า ได้เมาท์มา จะสลับเมาท์ยืน 10 เดี่ยวแทนยังได้เลย ตามแบบในรูปนี้ที่ Tactics Journal ทำมาเป็นตัวอย่าง ให้เมาท์ยืนบนตัวเดียว แล้วใช้บรูโน่ถอยมาเล่น DLP ทีมก็ได้ประโยชน์อีกมหาศาล

การใช้งานเมาท์มันมีเยอะมาก ไม่จำเป็นจะต้องเป็น 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 แม้กระทั่งสูตร 4-2-2-2 เมาท์ก็ยืนระนาบกลางตัวบนคู่บรูโน่ แล้วเล่นในแผนดังกล่าวได้

นี่คือเบื้องต้นของการได้เมสัน เมาท์ เข้ามาร่วมทีม ยังมีอีกเยอะที่เขาจะเติมมิติการเล่นให้เราได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเกมด้านข้าง ที่สามารถถ่างออกริมเส้นได้

ตรงกลางสามารถเป็นตัวออกบอล วางบอลยาวได้  และพื้นที่สุดท้าย สามารถจบสกอร์ได้ดี มีความเร็วในการทะลุทะลวงเกมตันๆที่คู่แข่งบล็อคแนวรับเอาไว้ เมาท์ถือเป็นตัวทะลวงแนวรับคู่แข่งที่น่ากลัวมากคนนึงจากพื้นที่แถวสอง

ในแอเรีย Final Third การวิ่งเจาะไลน์ของเมาท์ที่พาบอลกระชากไปด้วยตัวเอง คือมิติสำคัญที่แมนยูจะได้เห็นความดุดันตรงนี้มากขึ้น และนั่นคือสาเหตุว่าทำไม แมนยู และเอริค เทน ฮาก ต้องซื้อเขามาให้ได้ แม้จะต้องจ่าย 60 ล้านปอนด์

บางคนมีคำถามว่า ทำไมไม่เอาเงินไปซื้อไกเซโด้ หรือเพิ่มเงินไปสู้ไรซ์ เอาเมาท์มาทำไม มันแทนกันได้เหรอ?

คำตอบตรงนี้ต้องอธิบายก่อนว่า อย่านำเมาท์ไปพิจารณาร่วมกันกับดีลไรซ์ หรือ ไกเซโด้ เพราะว่ามันคนละส่วนกัน ไม่ใช่ว่าแมนยูซื้อเมาท์เข้ามาแทนพวกไรซ์ ไกเซโด้ แต่เขาต้องการจะเพิ่มความแข็งแกร่งในแดนกลางภาคการทำเกมรุกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในส่วนดังกล่าวเท่านั้นเอง

จริงๆแล้วทีมยังควรจะซื้อกลางต่ำที่สามารถคุมเกมได้ เข้ามาช่วยงานเอริคเซ่น และคาเซมิโร่ อยู่เหมือนเดิม ซึ่งถ้ามีงบเหลือก็ควรจะหาทางเซ็นเข้ามาสักหนึ่งคน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูด้วยว่า ทีมปล่อยนักเตะออกไปได้บ้างหรือไม่ เช่น เฟร็ด หรือ แม็คโทมิเนย์ หากว่าปล่อยใครไม่ได้ ทีมก็ต้องใช้ แม็ค เฟร็ด เป็นตัวทดแทนของ คาเซ เอริคเซ่น แบบ 1 ต่อ 1 ตามตำแหน่งไปก่อน 

ซื้อเมาท์เข้ามา ไม่ได้แปลว่าทีมไม่ต้องซื้อกลางต่ำแบบพวกไรซ์ หรือ ไกเซโด้ เข้ามาแล้ว มันแค่เป็นคนละส่วนกันเท่านั้นเอง

และส่วนที่หลายคนงงว่า ซื้อมาจะทับบรูโน่ไหม เอาตัวรุกมาเพิ่มทำไมทีมมีอยู่แล้ว? ฯลฯ ไม่ใช่ว่าทีมจะซื้อตัวรุกเข้ามาถมที่ แต่อย่าลืมเหตุผลต่างๆ ในข้อต่อไปนี้

1. ซื้อเมาท์มา ไม่ได้แปลว่าทีมจะไม่ซื้อกองหน้าแล้ว แฟนบอลบางส่วนอย่าเข้าใจผิดและอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ยังไงเขาก็ซื้อ แค่ดีลมาทีหลัง ไม่ได้แปลว่า Priority น้อยกว่าตัวแรก มันอยู่ที่ความสำคัญ ไม่ใช่ลำดับการซื้อ

2. แมนยูไนเต็ดปีที่ผ่านๆมา พลังงานในแดนกลางสู้คู่แข่งไม่ได้ ตัวเดียวที่สู้ไหว แต่ต้องทำงานหนักมากเกินไป คือบรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ต้องเล่นทั้งเกมเพรสซิ่ง วิ่งไล่บี้คู่แข่ง เล่นเกมปะทะ รวมถึงสร้างสรรค์เกมรุกด้วยตัวเอง

ภาษาชาวบ้านสายคอมคือ "กินแรม" เปลืองจัดๆ

ในขณะที่กลางอีกสองคน คนหนึ่งจำเป็นต้องคุมพื้นที่ไม่ให้กลางโบ๋ การวิ่งพล่านไปทั่วจะทำให้ทีมหลุดตำแหน่งในแดนกลางได้ นี่คือจุดที่เทน ฮาก ซีเรียสมาก(คาเซมิโร่) ในขณะที่อีกตัว ปั้นเกมเชื่อมเกมได้ แต่ขาดไดนามิคการเล่นค่อนข้างเยอะ(เอริคเซ่น)

ได้เมาท์มา จะช่วยแบ่งเบาภาระของ เอริคเซ่น กับ คาเซมิโร่ ได้อีกเยอะ

3. ปรัชญาเทน ฮาก จริงๆไม่ใช่เรื่องการครองบอล แต่เป็นบอลเคลื่อนที่ที่อิสระ และการ Overload เกมรุก โดยมีการครองบอลเป็นตัวซัพพอร์ตให้ทีมตั้งเกมขึ้นหน้าได้ ดังนั้นมิติการเล่นของเมาท์ที่แกร่ง เร็ว และ ขยัน จะช่วยให้บอลเคลื่อนที่ของเทน ฮาก ใกล้เคียงสิ่งที่เขาต้องการมากขึ้นกว่าเดิมอีก

พูดง่ายๆว่า ปีที่ผ่านมา ยังแทบไม่ใช่บอลของเทน ฮากเองเลยด้วยซ้ำ แต่ปีนี้ได้เมาท์ กำลังจะได้โอนาน่าซึ่งเป็นโกลสาย Sweeper Keeper ที่นอกจากจะออกบอลดีแล้ว ยังเพิ่ม "ไดนามิค" ในแดนหลังได้อีก ที่สามารถขยับตำแหน่งมาเล่นบริเวณอื่น ที่ไกลออกมาจากหน้าปากประตู ช่วยให้คู่แข่งเพรสแดนหลังเราไม่จน และการเคลื่อนที่หลังบ้านของเราจะดีขึ้น ไม่ใช่เป้านิ่งให้คู่แข่งเพรสซิ่งง่ายๆแล้ว

พูดถึงโอนาน่า ถ้าเขาเข้ามา จุดอ่อนที่แฟนแมนยูปวดหัวกันมาหลายปี มีโอกาสแก้ไขได้ด้วยไดนามิคการเล่นของเขานี่ล่ะ

ใดใดในแผนของเทน ฮาก ล้วนแล้วแต่ "ไดนามิค" ทั้งสิ้น

สังเกตดีๆ ตัวเล่นที่มีข่าวกับทีม เป็นตัวไดนามิคล้วนๆ ไม่ว่าจะเมาท์ โอนาน่า แม้กระทั่ง Taylor Booth รวมถึงตัวล่าสุดอย่าง Joao Neves จุดเด่นของทุกตัวคือไดนามิคในการเล่นสูงมากเช่นกัน

เมาท์คือตัวที่มีจุดเด่นตรงนั้นมากที่สุด

เพราะฉะนั้นแล้ว การเสริมทีมที่ดึงเมสัน เมาท์มาร่วมทีม แม้จะยอมวอดวายไป 60 ล้าน เหตุผลตรงนี้มันมีประกอบอยู่ และมั่นใจได้เลยว่า ยังไงก็ "คุ้ม" แน่ๆ ไม่มีทางที่จะเจ๊ง เพราะเหตุผลในเชิงแทคติกมันกำกับอยู่แล้วว่าเราซื้อเขามาทำไม ใครที่ยังมัวจมอยู่กับเรื่องแค่ว่า แมนยูทำไมต้องจ่ายเงินแพงๆให้นักเตะที่เหลือสัญญาปีเดียวด้วย จริงๆควรมองให้กว้างบ้างว่า เอริค เทน ฮาก ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร

ประเด็นเรื่องข้อเสียต่างๆ เช่น ทับตำแหน่งตัวอื่น(โดยเฉพาะปีก) เรื่องการลงต่ำมาเล่นไม่ดี ฯลฯ หลายๆอย่างที่แฟนเชลซีเตือนเอาไว้ว่าอย่าตั้งความหวังสูงเกินเหตุนั้น เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับนักฟุตบอล มันย่อมมีจุดแข็งจุดอ่อนอยู่แล้ว จะบอกว่าเพราะมีจุดอ่อนก็เลยไม่ควรซื้อมางั้นเหรอ? มันก็ไม่ใช่ นั่นเป็นวิธีคิดแบบตีตนไปก่อนไข้มากไปหน่อย

ส่วนเรื่องหิวเงินนี่ก็เป็นประเด็นคลาสสิคที่โจมตีนักเตะทุกคนที่ย้ายมาแมนยูอยู่แล้วจากพวกขาประจำทีมอื่นๆ แมนยูพร้อมจ่ายเพื่อฝีเท้า ค่าจ้างจ่ายตามการประเมินและพูดคุย พอใจกันทุกฝ่าย แค่นั้นก็จบไม่ใช่ปัญหาอะไร

สุดท้ายก็อยู่ที่ฝีมือการจูนให้เข้าระบบของเอริค เทน ฮาก เป็นสำคัญ ซึ่งเราเชื่อมือว่าบอสทำได้

การตัดสินใจครั้งนี้ถูกชั่งน้ำหนักมาแล้วว่ารอได้หรือไม่ได้ และคุ้มไหมที่จะทุ่มเงิน ซึ่งนี่คือการประเมินของเขาและทีมงาน ไม่ใช่ดีลเล่นขายของที่อยู่ดีๆนึกจะซื้อแพงๆก็ซื้อ โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอะไรเลย มันไม่ได้เป็นอะไรที่ไร้เหตุผลขนาดนั้นแน่นอน

เพราะทุกๆอย่างที่อธิบายมา คือเหตุผลที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ในเมื่อเสริมทีมได้ตรงจุด มันก็ต้องดีใจสิครับ

#BELIEVE

-ศาลาผี-



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด