:::     :::

ศึกชิงประมุขบอลไทย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน สุภาษิตนี้ยังใช้ได้จวบจนยุคสมัยปัจจุบัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สมาคมฟุตบอลฯ ภายใต้การควบคุมของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กำลังอยู่ในสภาวะ “พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก”

ปัญหาต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้ามาใส่นับไม่ถ้วน ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ เงิน ๆ ทอง ๆ ที่ขาดตก รวมไปถึงประเด็นสำคัญอย่าง “การเมือง” ที่เข้ามาถาโถม

หากพูดเอาเท่ ๆ เหมือนที่อินฟูลเอ็นเซอร์หรือกูรูลูกหนังมักชอบย้ำ “การเมืองกับฟุตบอลไม่ควรเกี่ยวข้องกัน”

ก็ถูก … แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศนี้

สิ่งหนึ่งที่ควรยอมรับคือเมืองไทย การเมืองกับฟุตบอล แถบจะเป็น “เนื้อเดียวกัน”

เพราะคนทำฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นประธานสโมสร หรือผู้บริหาร ล้วนมีตำแหน่งทางการเมืองโดยตรง ไม่ก็มาในรูปแบบ “นอมินี” เครือญาติ หรือคนสนิท

การเมืองกับฟุตบอล จึงไม่เคยห่างกัน


การเมืองไทยในปัจจุบัน อยู่ระหว่างจังหวะเปลี่ยนขั้ว (หรืออาจจะไม่เปลี่ยน) แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อ การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ครั้งต่อไปด้วย

เนื่องจากเก้าอี้นายกสมาคม ต้องได้รับความไว้วางใจจาก “สโมสรสมาชิก” ที่ลงคะแนนโดยผู้มีอำนาจสูงสุดในสโมสร

แล้วในบรรดาสโมสรสมาชิกทั้งหมด มากกว่าครึ่งล้วนมีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ก็มีสายเลือดที่ผูกพันกับขั้วการเมืองใดข้างหนึ่ง

เมื่อการเมืองเปลี่ยนผ่าน เกิดการ “ย้ายบ้าน” คนนี้ย้ายไปอยู่พรรคนี้ อีกคนกลับพรรคเดิม ย่อมมีผลต่อการลงคะแนนในการเลือกตั้งครั้งถัดไปด้วย (ส่วนใครย้ายไปไหน ผู้เขียนขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อให้เมื่อยนิ้ว)

สิ่งสำคัญคือ ผู้ท้าชิงนายกสมาคมคนไหน จะหา “ฐานเสียง” จากสโมสรสมาชิกเหล่านี้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดได้มากกว่ากัน

ขั้วเดิมอย่าง พล.ต.อ.สมยศ เองก็ต้องทำการบ้านหนัก หากจะลงป้องกันเก้าอี้ หรือจะส่งไม้ต่อให้คนรู้จักมักจี่ ก็ต้องเร่งทำผลงานในโค้งสุดท้าย ใช้ “สายป่าน” ที่มีมัดใจสโมสรสมาขิกให้ได้


เพราะเชื่อเถอะว่าสโมสรสมาชิกที่เคย “สนับสนุน” อดีตผบ.ตร. ในครั้งก่อน อาจไม่หย่อนคะแนนให้ในครั้งหน้าครบทุกคนแน่ ๆ

ส่วนผู้ท้าชิงหน้าใหม่ ที่เปิดตัวมาคร่าว ๆ แล้วคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตดาวยิงทีมชาติไทย ที่เดินเกมแต่เนิ่น ๆ ประกาศดึง ธีระเทพ วิโนทัย มารับบทโฆษกสมาคม พร้อมชูนโยบายปลุกใจ หากได้เป็นนยายกฯ “บอลไทยต้องไปบอลโลก” ถ้าทำไม่ได้พร้อมลาออกใน 4 ปี

ขณะที่คนเก่าเคยคุ้นอย่าง วรวีร์ มะกูดี ก็ออกหน้าออกตาสื่อบ่อยในช่วงนี้ และเปรยคร่าว ๆ ว่าพร้อมจะกลับมาทวงคืนเก้าอี้ลูกหนังตัวนี้

ยังไม่นับถึงฟากเพื่อไทยอย่าง เศรษฐา ทวีสิน ที่ออกมาหนุน กิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้มากพรรษาการเมือง อดีตผู้จัดการช้างศึก ว่าเหมาะสมที่สุดกับการเป็นประมุขลูกหนังไทย

ทำให้การเลือกตั้งในอีก 7 เดือนข้างหน้า น่าจะดุเดือดสุดครั้งหนึ่งที่เคยมีการเลือกตั้งมา เพราะอาจมี “ผู้ท้าชิง” มากกว่า 3 คน และต่างคนต่างขั้วอำนาจ

ใครจะปล่อยของ จะรีบทำคะแนน ก็เร่งหากันในช่วงนี้ แต่สิ่งสำคัญสุดคือการโน้มน้าวใจสโมสรสมาชิก ซึ่งเป็นผู้ลงคะแนนให้ได้

การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างคือบทละครและการ “ต่อรอง” ที่พร้อมจะพลิกและเปลี่ยนผันได้ทุกเมื่อ

และเมื่อสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง คือ “คนการเมือง”

ฟุตบอลไทยจึงไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนกัน…


PHOTO : FB ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน / Fair


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})