นับแต่ ‘เอล กาปิตัน’ การ์เลส ปูโญล แขวนสตั๊ดไปในปี 2014 ได้ทิ้งหลุมดำขนาดใหญ่ในแนวรับเอาไว้ ซึ่งสโมสรพยายามอย่างหนักที่จะกลบมัน 

ในหน้าร้อนปีที่ ปูโญล แขวนสตั๊ด ทีมงานของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ยอมควักงบเฉียด 40 ล้านยูโรเซ็นสัญญาคว้า โธมัส แฟร์มาเล่น จาก อาร์เซน่อล ราคา 20 ล้านยูโร และ เฌเรมี่ มาติเยอ จาก บาเลนเซีย ราคา 19 ล้านยูโร เข้ามาเสริม 

ผลปรากฏว่า แฟร์มาเล่น โดนอาการบาดเจ็บล่นงานตลอดจนแทบไม่ได้ลงสนาม ส่วนรายหลังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้ จนกลายเป็นจุดอ่อนในแนวรับของทีม 

ปี 2016 การมาของ ซามูแอล อุมตีตี้ ดูเหมือนว่า บาร์ซ่า จะได้คนที่เหมาะสมในการแก้ไขข้อบกพร่องของแนวรับแล้ว ทว่าหลังผ่าน 1 ฤดูกาลที่น่าประทับใจ ฤดูกาลต่อมา 2017-18 ผลงานของ อุมตีตี้ ก็เริ่มดร็อปลง จนกระทั่งได้รับบาดเจ็บหนักที่เข่าระหว่างการซ้อมกับทีมซึ่งวิเคราะห์ว่าเป็นผลมาจากการเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย 

ปีต่อๆมา บาร์ซ่า พยายามเสริมแกร่งในแผงหลังอีก ทีมคว้าตัว มาร์ลอน ซานโต๊ส จาก ฟลูมิเนเซ่ ราคา 5 ล้านยูโร,และ ฌอง แกลร์ก โตดีโบ จาก ตูลูส ในราคา 1 ล้านยูโร,เยรี่ มีน่า ปราการหลังร่างใหญ่เจ้าของส่วนสูง 195 เซนติเมตรมาจาก พัลไมรัส ราคา 12.4 ล้านยูโร , เกลม็อง ล็องเล่ต์ จาก เซบีย่า ราคา 35.9 ล้านยูโร และ เฮซอน มูรีโย่ ยืมตัวมาในราคา 1.2 ล้านยูโร

น่าเสียดายที่ทั้งหมดที่เอ่ยชื่อมาข้างต้น ต่างมีผลงานที่น่าผิดหวังมากกว่าประสบความสำเร็จ  

กระทั่งในปี 2021 แนวรับของ บาร์ซ่า ก็ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้ว่าเวลานั้น โรนัลด์ อาเราโฮ จะค่อยๆยกระดับตัวเองขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้แล้ว ทว่าสโมสรก็เลือกที่จะมอบความไว้วางใจให้กับอดีตเด็กเก่าลา มาเซีย อย่าง เอริก การ์เซีย และผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นกันว่า การ์เซีย อยู่ห่างไกลจากการแก้ปัญหาตรงจุดนี้มาก 

จนกระทั่งการมาของ มาเตอู อเลมานี่ กับ ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ ภารกิจการตามล่านี้จึงเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนเสียที

ในหน้าร้อนปี 2022-23  ครัฟฟ์ กับ อเลมานี่ วางตัวให้ อาเราโฮ ก้าวขึ้นมาเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักอย่างเต็มตัว แล้วจากนั้นก็ดึง อันเดรส คริสเตนเซ่น และ ฌูลส์ กูงเด้ มาเพิ่ม

รายแรกมาจาก เชลซี แบบไม่มีค่าตัว รายหลังจาก เซบีย่า ในราคา 50 ล้านยูโร ผลปรากฏว่าระดับการเล่นเกมรับของ บาร์เซโลน่า เหนียวแน่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน 

เซนเตอร์ฮาล์ฟทั้ง 3 ทำหน้าที่รับใช้ทีมได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะปัญหาอยู่บ้างระหว่างซีซั่นเช่นอาการบาดเจ็บของ คริสเตนเซ่น รวมถึงการสลับตำแหน่งไปเล่นแบ็กขวาของ อาเราโฮ ในบางเกม และ กูงเด้ ที่ถูกปรับสภาพให้เล่นแบ็กขวามากกว่าปราการหลังตัวกลาง 

จบฤดูกาล 2022-23 บาร์ซ่า ผงาดคว้าแชมป์ ลา ลีกา พร้อมๆกับทำสถิติเสียประตูไปเพียง 20 ประตูเท่านั้น กระนั้นภารกิจในการสร้างความแข็งแกร่งของเกมรับตามเจตนารมณ์ของทีม และ ชาบี ก็ยังไม่จบลงอย่างสมบูรณ์ 

ตามเป้าหมายทีมต้องการมีเซนเตอร์ฮาล์ฟชั้นเยี่ยมไว้ใช้งาน 4 คน แต่มีแค่ 3 ไม่นับรวม เอริก การ์เซีย ที่ ชาบี ไม่เคยไว้ใจเขาเลย กระทั่ง บาร์ซ่า บรรลุข้อตกลงคว้าตัว อินญิโก้ มาร์ติเนซ มาร่วมทีมหลังเจ้าตัวหมดสัญญากับ แอธ.บิลเบา 

มาร์ติเนซ ปัจจุบันอายุ 32 ปี อาจไม่ใช่กองหลังแห่งอนาคต แต่เขาถูกมองว่าเป็นกำลังสำคัญในปัจจุบัน เป็นักเตะเทคนิคดี ออกบอลฉลาด แม่นยำ แถมด้วยประสบการณ์การลงเล่นใน ลา ลีกา มากกว่า 350 นัดซึ่งน่าจะช่วยทีมได้มาก นอกจากนี้ยังเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ถนัดเท้าซ้ายอีกด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ บาร์ซ่า ยังไม่มี เนื่องจาก กูงเด้,คริสเตนเซ่น และ อาเราโฮ ต่างถนัดเท้าขวาทั้งหมด

การมาของ มาร์ติเนซ ทีมงานของ บาร์ซ่า เชื่อว่าเป็นการเติมเต็มให้แผงหลังของทีมแข็งแกร่งครบถ้วนในทุกมิติเมื่อเทียบวัดจากฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ นับแต่วันที่ อดีตกัปตันกรดูกเหล็ก การ์เลส ปูโญล แขวนสตั๊ดไป ยอดทีมกาตาลันต้องลงทุนเพื่อตามหาแผงหลังในอุดมคติมากถึง 164.5 ล้านยูโรเลยทีเดียว 

เจมส์ ลา ลีกา