:::     :::

[Player Analysis] ยกระดับการจบสกอร์ Marcus Rashford

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,784
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือบทความวิเคราะห์การเล่นของมาร์คัส แรชฟอร์ด ต่อประเด็นการพัฒนาตัวของเขาว่า ปีหน้าเราจะได้เห็นแรชยิงแตะ 40 ประตูหรือไม่ ตามมุมมองของเอริค เทน ฮาก ที่พิจารณาเรื่องนี้เอาไว้ และมีวิธีอะไรบ้างจะยกระดับกองหน้ารายนี้ให้ยิงได้มากขึ้นกว่าเดิม ในนี้มีคำตอบ

หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยุคปัจจุบันนี้ คือนักเตะลูกหม้อขนานแท้ของสโมสร "Marcus Rashford" ที่เป็นตัวแบกในด้านหน้าของเรา จากฝีเท้าการทำสกอร์ที่เชื่อมือได้ ฝากฝังความหวังในเกมรุกได้หลายๆด้าน ทั้งการยิงและการจ่าย เรียกได้ว่าด็อกเตอร์แรชพัฒนาตัวเองขึ้นมากลายเป็นคนละคนจากปีก่อนที่เล่นไม่ออก ความเชื่อมั่นในตัวเองไม่มี และเป็นนักเตะที่ดูเหมือนว่าจะไปไม่รอด

ภายใต้ยุคของเอริค เทน ฮาก แรชฟอร์ดเหมือนเกิดใหม่อีกครั้งและเก่งขึ้นกว่าเดิม จากจังหวะงึกๆงักๆที่โดนแฟนผีด่าเสียผู้เสียคนมาแล้ว จังหวะปล่อยจอยที่ไร้ความตั้งใจในการเล่น ทุกอย่างหายไปหมดสิ้น เหมือนเขาได้รีเฟรชกับสิ่งใหม่ๆ และมั่นใจขึ้นมากกว่าเดิม

การเล่นของแรชฟอร์ดก็มีเทคนิคบางอย่างที่เปลี่ยนไปด้วย เช่นความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะกับคู่แข่งหน้ากรอบเขตโทษที่แข็งขึ้น หนาขึ้น กองหลังคู่ต่อสู้เริ่มเบียดไม่ลง ขณะที่การยิงมีความเฉียบคม และยิงฉลาดกว่าเดิม มีลูกยิงเล่นทางที่คมกริบ ขณะที่ Power Shot ของเดิมก็ยังอยู่ เราได้เห็นลูกไฟที่เสียบเข้าประตูไปอย่างรุนแรงมากมายในซีซั่นที่ผ่านมา

เรียกได้ว่าเขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในโลกไปแล้ว กับการเข้าสู่จุดพีคใน "ร่างไพรม์" ของตนเองได้สำเร็จ ในวัย 25 ปี

ฤดูกาลที่ผ่านมา ปี 2022/23 แรชฟอร์ดทำประตูไปทั้งสิ้นในทุกรายการ "30 ประตู" กับอีก 11 แอสซิสต์ ถือเป็นผลงานระดับเอสของสโมสรที่ต้องสนใจเลยทีเดียว โดยแยกเป็นประตูในลีกทั้งหมด 17 ลูกที่ทำได้, ยูโรปาลีก 6, คาราบาวคัพ 6 และ เอฟเอคัพ 1 ลูก

คำถามคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะไปได้ไกลกว่านี้อีกหรือไม่ จะยกระดับการยิงขึ้นไปมากกว่าเดิมอย่างไรบ้าง นี่คือคำถามของบทความนี้ ที่มีปฐมบริบทมาจากคำพูดของเอริค เทน ฮาก เอง ที่เขากล่าวเอาไว้ในเรื่องมาร์คัส แรชฟอร์ดว่า

"ผมคิดว่ามาร์คัสสามารถยิงประตูได้ 40 ลูกต่อฤดูกาล สำหรับเขาแล้วนั่นคือก้าวต่อไป"

"ผมคิดว่ามาร์คัสยังมีอะไรอีกเยอะ เขายังพัฒนาได้อีกไกลในการเล่น และผมมั่นใจว่าเขาทำประตูได้มากกว่านี้อีก เมื่อคุณไปดูมาว่าช่วงสิบเกมสุดท้ายเขายิงประตูไม่ได้เยอะนัก"

จากคำพูดของเทน ฮาก ชัดเจนว่าเขาหวังให้นักเตะกองหน้าด้านข้างในแบบ Inside Forward คนนี้ยิงประตูได้ถึง "40 ลูก" ต่อฤดูกาล คำถามก็คือ มันจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้แรชชี่มีโอกาสยิงได้มากกว่าเดิม เล่นได้ใน performance ที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วนตัวแล้วเราในฐานะแฟนบอลเชื่อว่าทำได้ แรชฟอร์ดยังสามารถพีคได้อีกเยอะ อย่างที่ข้างต้นบอก หากว่าช่วงแรกๆของฤดูกาล และช่วงท้าย แรชฟอร์ดรักษาฟอร์มให้เหมือนช่วงต้นปี 2023 ได้แบบเน้นๆ และทีมมีฟอร์มที่สม่ำเสมอ มีเสถียรภาพในการเล่นสูงๆ แรชฟอร์ดน่าจะบวกประตูเพิ่มจากปีนี้ได้อีก 10 ลูกได้แน่ๆ

มีทฤษฎีใดบ้างที่ส่งผลเกี่ยวข้อง ผ่านการวิเคราะห์ผู้เล่นรายนี้ผ่านค่าสถิติการทำประตู และการยิงของเขา สิ่งที่น่าสนใจมีดังนี้

1. จะทำยังไงให้แรชฟอร์ดมีประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกในปริมาณมากกว่าเดิม?

ข้อแรก เรามานำเสนอค่าสถิติการเล่นของ Marcus Rashford ในกราฟคู่อันดับเปรียบเทียบ "ปริมาณการรับบอลในกรอบเขตโทษ กับ การเล่นที่มีส่วนกับจังหวะยิง (Passes received in pen. area กับ Shot involvements นั่นเอง) โดยข้อมูลจาก Opta ที่ the analyst ทำเอาไว้

วิธีดูแบบง่ายๆเลยก็คือ แกนตั้ง(Y) เป็นปริมาณการได้บอลในเขตโทษต่อเกม ส่วนแกนนอน(X) คือการเล่นที่มีส่วนกับจังหวะยิง คือจะยิงเองก็ได้ หรือจ่ายบอลให้เพื่อนยิง จะรวมอยู่ใน shot involvements การมีส่วนร่วมนี้หมด 

ตีความแบบง่ายๆได้ดังนี้ว่า "ยิ่งจ่ายบอลไปถึงแรชฟอร์ดในกรอบเขตโทษได้มากเท่าไหร่ เขายิ่งมีส่วนกับจังหวะยิงมากขึ้นเท่านั้น"

หลายคนอาจจะตอบว่า เอ้า ก็ใช่อะดิพี่ ได้บอลในกรอบเยอะ มันก็มีโอกาสเยอะขึ้นไง แปลกตรงไหน?

ไม่จริงเสมอไป

ให้สังเกตนักเตะในคลัสเตอร์กลุ่มซีกบนซ้ายของจุดตัดเส้น median พวกซีกบนซ้ายคือพวก "ได้บอลในกรอบเขตโทษบ่อย แต่การเล่นไม่ค่อยเกี่ยวกับจังหวะยิง"

ได้บอลในกรอบเขตโทษบ่อย คือ อยู่สูงในแกน Y / การเล่นที่เกี่ยวกับการยิงต่ำ คือ อยู่ต่ำในแกน X

พวกซีกซ้ายบนนี้ ตีความได้ว่าเป็นกองหน้าสายพักบอลแดนบน ประเภท Target man ทั้งหลาย ที่พักบอลเก็บบอลในกรอบอย่างเดียว แต่ไม่เน้นยิง หรือเล่นจังหวะสุดท้าย

หรือไม่ก็ได้บอลบ่อย แต่เขาไม่สามารถสร้างการเล่นที่เกี่ยวพันกับจังหวะยิงได้ นั่นคือคำอธิบายเรื่องการตีความกราฟนี้ว่า เราควรจะทำเกมให้แรชชี่ได้บอลในกรอบเยอะๆ จะยิ่งสร้างจังหวะยิงได้มากขึ้น

ตัวแรชฟอร์ดอยู่ในซีกขวาบน และอยู่ประมาณเส้นเทรนด์ไลน์ของกราฟนี้ มันแปรผันตรง ระหว่าง จำนวนการได้บอลในกรอบ กับ ปริมาณการเล่นที่มีส่วนกับจังหวะยิง 

"ยิ่งได้บอลในกรอบเยอะ ยิ่งสร้างการเล่นที่ทำให้เกิดจังหวะยิงเยอะตาม"

การที่ค่ามันแปรตรงแบบนี้ ทำให้แฟนบอลยิ่งมั่นใจว่า แรชชี่เป็นอีกนักเตะหนึ่งของเราที่มักจะตัดสินใจเล่นในจังหวะสุดท้ายได้อย่างดี ไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย ถ้าอยากให้สถิติตรงนี้เพิ่ม ก็จ่ายบอลให้เขารับในกรอบ (passes received) ให้มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง แล้วเดี๋ยว shot involvements จะเพิ่มขึ้นตามเอง

สังเกตให้ดีๆว่าเทรนด์ไลน์ที่ลากยาวออกมา(ไม่มีในภาพ) หน้าเป้าที่เป็นตัวท็อปๆทั้งหลายอย่าง เบนเซม่า บาปเป้ โอซิมเฮน  เลวาน เอ็นคุนคู อยู่ในแนวเส้นเทรนด์ไลน์เหมือนแรชฟอร์ดเช่นกัน แต่พวกนั้นเขาได้บอลในกรอบด้วยปริมาณที่เยอะกว่ามาก shot involvements ก็เลยมากกว่าแรชชี่นั่นเอง

ทีมจึงจำเป็นต้องหาวิธีในการทำให้แรชได้บอลในกรอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงจะเป็นผลดีกับทีม เช่น ครองบอลให้มีคุณภาพ ปั้นเกมจากแผงมิดฟิลด์ให้แม่นยำ และทะลุทะลวงขึ้นไปถึงแรชฟอร์ดกว่าเดิม

รวมถึงการได้หน้าเป้าตัวใหม่ น่าจะสามารถดึงตัวประกบไว้ตรงกลาง และเป็นช่องให้แรชฟอร์ดเข้าทำด้วยตัวเองมากขึ้น ก็ช่วยได้เช่นกัน

2. สถิติ ประตู (Goal) กับ Expected Goals ของแรชฟอร์ด

ภาพที่สอง ให้ดูสองสถิติของแรชฟอร์ดตลอด 8 ฤดูกาล จุดน่าสังเกตคือ แรชชี่มีร่างไพรม์ขั้นแรกอยู่ในซีซั่นที่ผ่านมาจริงๆ ด้วยปริมาณ Goals ที่เยอะที่สุดตลอด 8 ปี (17 เม็ด) xG ก็สูงสุด 15.47 และปีที่ส่วนต่างระหว่าง ประตูจริง กับค่าความน่าจะเป็นประตู ต่างกันสูงสุด คือฤดูกาลแรกที่ +2.31

สิ่งที่อยากให้ดูตรงนี้คือ ความเฉียบคมของแรชฟอร์ดในการจบสกอร์ อย่างที่ศาลาผีเขียนอธิบายบ่อยๆว่า ถ้ายิงประตูจริง ได้มากกว่าค่า xG แปลว่านักเตะคนนั้น "จบสกอร์คม" เพราะยิงได้มากกว่าค่าที่มันควรจะเป็น

เช่นแรชชี่ปีนี้ ยิงได้ถึง 17 ทั้งที่น่าจะทำได้ราวๆ 15.47 ลูกนั่นเองจากการคำนวณ xG ออกมา

ด้วยการเล่นที่ฟอร์มพีคขึ้นมาของแรชในปีนี้ ค่าการเล่นต่างๆก็ยกระดับขึ้นมาชัดเจนในซีซั่น 2022/23 สิ่งที่น่าสังเกตคือ ค่าการยิงประตู และโอกาสการทำประตูได้ของปีนี้ เป็นจุดพีคของ 8 ปีทั้งหมด ตามที่รูปด้านบนไฮไลท์สีชมพูเข้มไว้ เช่น ค่าจำนวนการยิงต่อเกม (shots per 90) ปีนี้ก็สูงสุด อยู่ที่ 3.366 ต่อเกม 90 นาที

ถัดมาก็เป็นเรทของ xG per 90 ก็สูงสุดเช่นกัน โดยค่าความน่าจะเป็นในการทำประตูได้ต่อเกมของแรชคือ 0.482 ยกระดับขึ้นมาจากปีก่อนๆขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด แม้กระทั่งปีดีๆอย่างซีซั่น 2019/20 xGต่อเกมก็ยังน้อยกว่าปีนี้

และค่าสุดท้าย Big Chances per 90 โอกาสสำคัญต่อเกม ปีนี้ทะลุขึ้นมาถึง 1.091 เห็นกันจะจะเลยว่า performance ของ MR10 ยกระดับขึ้นมาแค่ไหน

การจบสกอร์ของแรชฟอร์ดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก หากว่าทีมสามารถทำให้เขามีโอกาสยิง โอกาสได้บอลเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ (อ้างอิงจากหัวข้อที่1.) แรชและแมนยูไนเต็ดจะยิ่งทำผลงานได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

3. "ง่ายๆไม่ ใหญ่ๆเอา"

ภาพที่สาม เป็น shots map ที่แสดงประตู และค่า xG ของการยิงในแต่ละครั้งให้ดู

วิธีการตีความง่ายๆคือ วงกลมอันไหนใหญ่ แปลว่าโอกาสยิงมีทางจะเป็นประตูสูง หรือลูกง่ายก็ว่าได้เหมือนกัน ส่วนวงกลมเม็ดเล็ก นั่นแหละคือลูกยิงที่ xG ต่ำนั่นเอง (low xG)

แรชชี่ยิงลูกยิงง่ายประมาณแค่ 2-3 ลูกเท่านั้นเองในกรอบ แต่เอาจริงๆก็ไม่ง่ายนะ แค่ xG มันสูงเท่านั้นจากการคำนวณ เช่น ตัวบล็อคน้อย ระยะยิงใกล้ ค่า xG เลยสูงนั่นเองตามระดับความยากง่าย

แต่สังเกตดีๆว่า ประตูส่วนใหญ่ที่แรชยิงประตูสำเร็จ (เม็ดส้ม) มักจะเป็นเม็ดเล็กๆทั้งนั้น

ภาษาชาวบ้านก็คือ พี่แกยิงเข้าแต่ลูกที่มันยากๆทั้งนั้นเลยนั่นไง นั่นคือลักษณะการยิงของแรชฟอร์ดที่แฟนผีรู้กันดี

อีกจุดสำคัญคือ goals location (ตำแหน่งยิงที่ทำประตูได้) ของแรชชี่ปีนี้ค่อนข้างหุบเข้ามาตรงกลางเยอะ ถึงจะเป็นประตู แต่ไม่เกี่ยงระยะ ใกล้ไกล ยิงได้หมด ขอแค่หุบเข้ามาตรงกลาง

การมีกองหน้าที่ทำเกมช่วยแรชฟอร์ดได้ ไม่ว่าจะสลับไปดรอปต่ำให้แรชดันสูง หรือดึงตัวประกบสร้างพื้นที่ว่างให้แรชฟอร์ดเข้าทำ ฯลฯ การมีหน้าตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพิ่ม จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สามารถทำให้ Marcus Rashford ยิงได้มากขึ้น ถ้ามีกองหน้าที่เล่นคู่กัน สามารถดึงตัวประกบ หรือ ช่วยทำให้แรช "เข้าใกล้โกล"  ได้มากกว่าเดิมนั่นเอง

4. Conclusion

สรุปการวิเคราะห์ทั้งหมดแล้วนั้น นี่คือการอธิบายสถิติที่อาจจะดูมึนๆเหล่านี้ให้เป็นภาษาคน แบบชาวบ้านๆให้มากที่สุดเท่าที่คอลัมน์ของศาลาผีจะพยายามเขียนอธิบายได้ จากข้อมูลต่างๆเราจะได้เห็นการเล่นที่พัฒนาขึ้นของแรชฟอร์ด รวมถึงข้อสังเกตที่น่าสนใจในเรื่องของการเล่นในพื้นที่สุดท้ายของเขา สถิติของปีก่อนที่ยกระดับขึ้นมา และความถนัดความชื่นชอบเรื่องพื้นที่การยิง และโอกาสยิงที่เกิดขึ้น 

สิ่งที่จะทำให้การทำประตูของแรชฟอร์ดยิงได้มากกว่าเดิมที่ปีนี้กดไป 30 จะทำให้ปีหน้าถึง 40 เราเชื่อว่าตัวของแรชฟอร์ดทำได้แน่ๆ ประสบการณ์ปีนี้ที่ผ่านมา จะทำให้เขารักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ได้ ด้วย 30 ประตูทุกรายการยืนพื้น เราว่าทำได้แน่นอน

แต่สิ่งที่จะทำให้แรชฟอร์ดมีประสิทธิภาพมากขึ้นแบบก้าวขึ้นไปมากกว่าเดิม (Next Step) อย่างที่เอริค เทน ฮาก ว่าเอาไว้ นั่นคือ "สิ่งแวดล้อมในทีม" จะเป็นตัวที่ส่งผลทำให้ส่วนต่างตรงนี้ เพิ่มขึ้นมาอีก 10 ประตูได้ไม่ยาก

สิ่งแวดล้อมที่ว่าคือ วิธีการเล่นของทีม (ทีมมีการลำเลียงบอล build-up และสร้างสรรค์โอกาสเกมรุกให้กองหน้าได้มากน้อยเพียงใด), คุณภาพของทีม (ทีมเล่นกันดี เล่นกันโหดขนาดไหน ประสิทธิภาพมากน้อยยังไงบ้างมาก) และรวมถึงตัวช่วยต่างๆที่เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

เช่นการเข้ามาของกองหน้าตัวใหม่ที่จะยืนค้ำกลางให้กับแรชฟอร์ด

หากว่ามีกองหน้าเข้ามา ตามแนวทาง priority การเสริมทัพในซัมเมอร์นี้อย่างถูกต้อง มันจะทำให้ทีมเล่นได้ดีขึ้น และที่สำคัญแรชฟอร์ดจะอิสระกว่าเดิม  เพราะตำแหน่งที่ถนัดที่สุดของเขาก็ยังคงเป็นหน้าซ้าย LW แบบ Inside Forward นั่นเองที่เจ้าตัวถนัดที่สุด

ถ้าทีมทำเกมไปให้แรชฟอร์ดได้บอลในกรอบบ่อยขึ้น กองหน้าตัวอื่นช่วยในการเล่นมากกว่าเดิม ทีมมีไดนามิคมีบอลซัพพอร์ตที่ดีขึ้นจากกองกลางตัวทำเกมที่เพิ่มปริมาณมากกว่าเดิม จากการมีบรูโน่แค่คนเดียวในระบบ 4-2-3-1 จะกลายเป็นคู่มิดฟิลด์ 8s ในระบบ 4-3-3 รวมถึงการ build-up จากแผงหลังที่ดีขึ้น เอาตัวรอดจากเพรสซิ่งสูงได้ดีกว่าเดิม จากการมี Andre Onana ที่ประกาศ official เข้ามาในทีมแล้วเรียบร้อย

ทุกๆปัจจัยเหล่านี้จะรวมกัน และทำให้เกมรุก รวมถึงการพังประตูของมาร์คัส แรชฟอร์ด จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

40 ประตูรวมทุกรายการน่ะเหรอ? รอชมกันได้เลย ถ้าจิ๊กซอว์ทุกชิ้นต่อกันอย่างลงตัว เราจะได้เห็นแรชฟอร์ดที่ถล่มประตูโหดกว่าเดิมอย่างแน่นอน

แรชฟอร์ดร่างทองกำลังรอคุณอยู่

#BELIEVE

-ศาลาผี-

Reference

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด