สำหรับออนเดร โอนาน่า หลังย้ายจากอินเตอร์ มิลาน ร่วมทีม “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวร่วมครึ่งร้อยล้านปอนด์ แน่นอนว่า เขาต้องโดนความกดดันมหาศาลเข้าเล่นงานอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นตัวตายตัวแทนของตำนานนายทวารของทีมอย่างดาบิด เด เคอา ที่เพิ่งปิดฉาก และอำลาทีมไป
จุดประสงค์หลักที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าตัวเขามาร่วมทีม นั่นคือการเป็นนทวารที่สามารถเล่นฟุตบอลด้วยเท้าได้ดีมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากตัวของเด เคอา จนนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง ช่วงนี้ เราลองย้อนกลับไปดูเส้นทางลูกหนังของโอนาน่า กันหน่อย
โดยเฉพาะจุดเริ่มต้น การเป็นผู้รักษาประตูที่เล่นด้วยเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม
โอนาน่า เกิด และเติบโตที่ประเทศแคเมอรูน เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอล ในฐานะของผู้รักษาประตู โดยมี “ซามูเอล เอโต้ อะคาเดมี่” เป็นสถานที่แรก ในการฝึกฝนวิชาลูกหนัง
ศูนย์ฝึกฟุตบอลดังกล่าว เกิดขึ้นจากแนวความคิดของซามูเอล เอโต้ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทีมชาติแคเมอรูน จุดประสงค์สำคัญคือ การนำเอาเด็กฝีเท้าดี จากทั่วประเทศ นำมารวมกันที่ดูอาล่า เมืองใหญ่สุดของประเทศ
“ซามูเอล เอโต้ อะคาเดมี่” มักส่งเด็กที่เฝ้าฟูมฟัก เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศสเปน ซึ่งเด็กๆภายในทีมต่างทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ เพื่อคว้าโอกาสในการมาเล่นฟุตบอลในยุโรป เนื่องจากแมวมองของทีมในลีกแดนกระทิงดุ ชอบออกมาหาเพชรเม็ดงามตามทัวร์นาเมนต์ต่างๆ
โอนาน่า โชว์ฟอร์มเซฟประตูอย่างยอดเยี่ยม ในการแข่งขันที่หมู่เกาะกานารี จนถูกยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างบาร์เซโลน่า คว้าตัวไปร่วมทีม ในวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น
อเล็กซิส เมว่า เพื่อนร่วมทีมที่ศูนย์ลา มาเซีย ออกมาย้อนความทรงจำถึงเขาว่า “เขามีความทะเยอทะยาน และเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก”
“ผมจำไม่เคยลืมว่า เขาเล่นด้วยเท้าผิดพลาดบ่อยมาก !!! มันเป็นแบบนั้นหลายเกมเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม เขายังใจเย็น และก้มหน้าก้มตาเล่นต่อไป เพราะเขามีศรัทธาในตัวเอง ผมมองว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะการเป็นนายทวารผิวดำ”
“ที่บาร์เซโลน่า มันเป็นอะไรที่ยากมาก เมื่อคุณมาจากทวีปแอฟริกา คุณต้องดีกว่าเด็กกาตาลัน 3-4 เท่า สโมสรมักมองหาเด็กท้องถิ่นก่อนเสมอ” เมว่า กล่าวทิ้งท้าย
การเป็นผู้รักษาประตู ในระบบของลา มาเซีย ต้องถูกจับตามอง และเค้นศักยภาพออกมามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเล่นด้วยเท้า และความเร็วในการออกบอลจากแนวรับ
พร้อมกันนี้ บาร์ซ่า ยังฝึกเด็กเยาวชนในตำแหน่งนายทวาร เน้นไปที่เรื่องของความมั่นใจ และการดวลกับคู่แข่งแบบ 1-1 แน่นอนว่า เขาผ่านการฝึกฝนแบบนั้น นับร้อยนับพันครั้ง จนการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง กลายมาเป็นจุดแข็งในที่สุด
ช่วงปลายปี 2014 เขาลงเฝ้าเสาให้กับบาร์เซโลน่า รุ่นยู-19 เกมออกไปเยือนอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในศึกยูฟ่า ยูธ ลีก ก่อนจะพ่ายไปด้วยสกอร์ 0-1 กระนั้น เขาถูกรับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ นอกจากการเซฟ และความมั่นใจแล้ว เรื่องการใช้เท้าของเขา ตกเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก
ไม่กี่เดือนต่อมา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม อาศัยช่วงเวลาที่บาร์เซโลน่า มีปัญหาเรื่องการดึงนักเตะเยาวชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำการดึงนายทวารดาวรุ่งรายนี้เข้ามาสู่ทีม ก่อนจะพัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นนายด่านที่ใช้เท้าดีสุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังยุโรป
จากนั้น เขาย้ายไปเฝ้าเสากับอินเตอร์ มิลาน ก่อนจะสร้างสถิติ เป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีทได้มากสุดในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (8 เกม)
ปัจจุบัน เขากลายมาเป็นผู้รักษาประตูคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นแบบทดสอบร่ากาย และจิตใจที่ยากสุดครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งเวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบว่า เขาจะฝ่าฟันมันได้หรือไม่
