ซีซั่นพิสูจน์ตัวจะเจ๋งหรือจะเจ๊ง
ลีกผู้ดีได้ชื่อว่าโหดหิน และ หนักหน่วง หลายคนเอาชื่อมาทิ้งที่นี่ อยู่ที่ว่าจะสามารถกลับมากอบกู้ตัวเองกลับมาในลีกอื่นได้รึเปล่า
ประโยคคลาสสิคที่ว่า "ต้องให้เวลา" นั้นก็เป็นไปได้ ฤดูกาลแรกผ่านไป เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่สองควรจะพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควร คุ้มค่าตัว มีดีพอ หรือจะอะไรก็ตามแต่
และฤดูกาล 2023/24 นี้เองมีหลายคนที่ถึงเวลาแล้วที่จะต้องฉายแววออกมา ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ได้อยู่กับสโมสรต่อไปเมื่อตลาดเปิดทำการอีกครั้ง
เจดอน ซานโช่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
73 ล้านปอนด์ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายให้กับ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2021 สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดา เร้ด อาร์มี่ จากผลงานอันยอดเยี่ยมของนักเตะใน บุนเดสลีกา เยอรมัน
แต่ทว่าผลงานยังห่างไกลจากความคาดหวังลิบลับ นั่นทำให้แข้งทีมชาติอังกฤษ ไม่แม้กระทั่งเป็นตัวจริงอย่างถาวรด้วยซ้ำ
สถิติ 18 ประตูจาก 79 เกมถือว่าน่าผิดหวัง แต่อย่างน้อยเราได้เห็นสัญญาณที่ดีเมื่อเจ้าตัวเองก็พยายามอย่างเต็มที่จากการซ้อมส่วนตัวเพื่อเค้นศักยภาพที่ยอดเยี่ยมกลับมาอีกครั้ง
ความสามารถที่มีนั้นชัดเจน เพียงแต่มันยังถูกดึงออกมาใช้ไม่เต็มที่เท่านั้น และด้วยสัญญาณที่ว่าแฟนบอลเริ่มหมดความอดทนอยากให้ "ปีศาจแดง" ปล่อยออกไปซะ ปีนี้คงต้องแสดงอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
มาร์ก กูกูเรย่า (เชลซี)
ย้ายมาอยู่กับ เชลซี พร้อมกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักด้วยค่าตัวที่สูงถึง 62 ล้านปอนด์ กับนักเตะที่แทบไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย และเพิ่งทำได้ดีกับ ไบรท์ตัน เพียงเล็กน้อย
แต่เข้าใจได้เพราะเจ้านายอย่าง แกรม พ็อตเตอร์ ถูกดึงมาคุม "สิงห์บลูส์" และการดึงลูกน้องเก่าก็เป็นเรื่องปกติมที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
ทว่าสิ่งที่สิงโตแห่งกรุงลอนดอนต้องเจอนั้นคือผลงานที่แย่ถึงแย่มาก เกมรุกใช้ไม่ได้ เกมรับก็ห่วย หลายครั้งมีส่วนทำให้ทีมเสียประตูจนโดนบรรดานักเตะเก่าและกูรูทั้งหลายด่าหนัก
แฟนบอลบางส่วน ที่คงต้องบอกว่าเป็นส่วนที่น้อยมากๆ ยังคงให้กำลังใจอยู่บ้าง แต่หากปีนี้ยังแย่อีกรับรองว่าแฟนบอลกลุ่มนั้นจะเข้าร่วมกับกลุ่มใหญ่ช่วยกันไล่ให้ทีมขายแน่นอน
ริชาร์ลีซอน (สเปอร์ส)
น่าจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกจัดว่าล้มเหลวมากที่สุดของการย้ายทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้วเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ สเปอร์ส ยอมควัก 50+10 ล้านปอนด์ ดึงตัวมาจาก เอฟเวอร์ตัน
สองประตูอันน่าตื่นเต้นในเกมกับ มาร์กเซย บวกกับอีกหนึ่งลูกในนัดเจอ ลิเวอร์พูล คือสามลูกที่กองหน้าชาวบราซิลทำได้ตลอดทั้งฤดูกาล 2022/23 กับสโมสร เรียกได้ว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
มันแย่ถึงขนาดที่ว่า อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ "ไก่เดือยทอง" ออกมาบอกว่ากองหน้าวัย 26 ปี มีฤดูกาลที่ห่วยแตก
คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับ แอนจ์ พอสเตโคกลู ว่าจะสามารถรีดผลงานของ ริชาร์ลีซอน ได้ออกมาดีแค่ไหน โดยเฉพาะจำนวนประตูที่คงต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคุณเลย
มิไคโล มูดริค (เชลซี)
เชลซี พยายามอย่างหนักเพื่อดึง มิไคโล มูดริค มาร่วมทีม ถึงขนาดยอมจ่ายหนักถึง 88 ล้านปอนด์ เพื่อตัดหน้าคู่แข่งร่วมลีกอย่าง อาร์เซน่อล
หลังเปิดตัวอย่างวูบวาบในเกมกับ ลิเวอร์พูล หลังจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรเลย และตลอดทั้ง 17 เกมที่ลงเล่นนับตั้งแต่มาร่วมทีมในช่วงตลาดหน้าหนาว ไม่มีประตูให้แฟนๆ ได้เฮเลยแม้แต่ลูกเดียว
อย่างไรก็ตามในช่วงปรี-ซีซั่น เจ้าตัวเริ่มฉายแววในการประสานงานกับ นิโกล่าส์ แจ็คสัน กองหน้าคนใหม่ ทำให้แฟนบอลเริ่มฝันเห็นฟอร์มอันยอดเยี่ยมของสตาร์ชาว ยูเครน ผู้นี้
การมาของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องของฝีมอืพอจะทำให้เห็นแสงสว่างว่าเขาจะสามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดของแข้งวัย 22 ปี รายนี้ออกมาได้ในที่สุด
ดาร์วิน นูนเญซ (ลิเวอร์พูล)
34 ประตูกับ เบนฟิก้า ในปี 2021/22 ทำให้ ลิเวอรพูล ควักกระเป๋า 85 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวร่วมทีมกับเป้าหมายให้มาเป็นความหวังใหม่ในแดนหน้า
ในภาพรวมการทำได้ 15 ประตูจาก 42 เกมในซีซั่นแรกกับสโมสรไม่ถือว่าเลวร้าย แต่การเล่นให้ "หงส์แดง" ยอมถูกคาดหวังมากกว่านี้ แถมทีมยังมีฤดูกาลที่ย่ำแย่ ไม่แม้แต่จะได้ไปเล่นในถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้
การมาของ โคดี้ กัคโป ในช่วงตลาดหน้าหนาวยิ่งทำให้ ดาร์วิน นูนเญซ ยิ่งกดดันว่าจะต้องทำผลงานให้ดี แต่ฟอร์มในช่วงปรี-ซีซั่นก็พอทำให้แฟนบอลได้อุ่นใจบ้าง แม้ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะมีการพูดถึงเจ้าตัวว่าจะต้องช่วยบีบเกมตั้งแต่ในแดนหน้าเลย
ซีซั่นนี้ นูนเญซ คงจะต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักในขณะที่สโมสรหวังจะกลับมาผงาดอีกครั้ง แน่นอนว่าประตูของ นูนเญซ คือสิ่งที่สโมสรต้องการเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ และหากไม่ได้อย่างที่หวังไม่แน่ว่าอาจจะมีกองหน้าคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนเขาก็ได้