:::     :::

การพิสูจน์ตัวเองแบบ อารอน แรมส์เดล

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
428
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สำหรับนักเตะอาชีพกับความกดดัน ถือเป็นของคู่กันอยู่แล้ว

แน่นอนว่า อารอน แรมส์เดล  ผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อล คือคนที่เข้าใจมันเป็นอย่างดี ในช่วงแรกที่เขาย้ายมาร่วมทีม “เดอะ กันเนอร์ส” เขาต้องโดนแบบทดสอบมากมาย โดยเฉพาะคำปรามาส จากการเป็นนายทวารของทีมที่เคยตกชั้นเท่านั้น 


คำดูถกพุ่งหาเขา จากทุกทิศทุกทาง อย่างไรก็ตาม เขสไม่เคยคิดยอมแพ้ พร้อมกับลุกขึ้นมายืนหยัดต่อสู้ จนเอาชนะใจแฟนบอลเป็นผลสำเร็จ พร้อมกับเป็นการหักปากกาเซียนของกูรูบางคน ที่มองว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จกับอาร์เซน่อล และค่าตัวที่ถูกจ่ายไป ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

“ฟุตบอลสมัยใหม่ และโซเชียล มีเดีย ที่เป็นพิษ”


อารอน แรมส์เดล ออกมาย้อนความทรงจำ ตอนย้ายออกจากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพื่อมาร่วมทีมอาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2021-22 


การเป็นผู้รักษาประตูที่ผ่านการตกชั้น จากพรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง ทั้งกับพลพรรค “ดาบคู่” และกับบอร์นมัธ ทำให้เขาโดนคำสบประมาทอย่างมากมาย 


ปฏิเสธไม่ได้ว่า คำสบประมาท บางครั้ง ก็เลยเถิดไปถึงคำดูถูก และการไล่ด่าแบบหยาบคาย จากการเป็นนายทวารนอกสายตา ที่ต้องย้ายมาเล่นกับสโมสรใหญ่ มีราคาที่ต้องจ่ายสูงมากๆ 


แรมส์เดล กล่าวต่อไปว่า “ผมเห็นการแจ้งเตือน ประมาณ 100 รายการ ทวิตเตอร์ของผมดังอย่างต่อเนื่อง ผมคิดในใจว่า -เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?-“ 


“จากนั้น อินสตาแกรมของผมก็แจ้งเตือนรัวๆ ย้อนเวลากลับไป ผมชินกับการแจ้งเตือน 15-20 ครั้งต่อวัน (3 การแจ้งเตือนมาจากแม่ของผม) ผมเข้าไปที่ทวิตเตอร์ ข่าวการย้ายทีมของผมเริ่มรั่วไหลออกไป”


“คนในโลกออนไลน์ แท็คชื่อของผมมา พร้อมกับพิมพ์ว่า อย่าย้ายมาอาร์เซน่อล นายมันช่าง (อีโมจิรูปอุจจาระ)”


“ตามมาด้วยข้อความแบบว่า นักเตะที่ตกชั้น 2 ครั้งเนี่ยนะ, การซื้อตัวที่โคตรสยอง, 24 ล้านปอนด์เลยนะ และแกมันน่ารังเกียจ ข้อความดีๆแทรกเข้ามาบ้างเช่น ยินดีต้อนรับสู่ลอนดอนเหนือนะ ก่อนที่จะกลับมาเป็นข้อความว่า น่าสมเพช, น่าสมเพช และน่าสมเพช”


“มันคงจะเป็นความผิดของผมเอง ที่เปิดปุ่มแจ้งเตือนเอาไว้ นี่เป็นเพียงฟุตบอลสมัยใหม่ และโซเชียล มีเดีย ที่เป็นพิษ” แรมส์เดล กล่าวถึงสิ่งที่เขาต้องประสบพบเจอ

การพบเจอกับความเห็นในเชิงลบ จากเกรียนคีย์บอร์ดที่แอบซ่อนตัวอยู่หลังแป้นพิมพ์ สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่มากก็น้อย ทุกอย่างถูกซ้ำเติมด้วยคำวิจารณ์ของนักฟุตบอลที่เขาเห็นมาตั้งแต่วัยเด็ก


“จากนั้น ผมเดินเข้าห้องไป พร้อมกับเปิดทีวี ฟุตบอลเป็นวิธีเดียว ที่ทำให้ผมผ่อนคลาย ผมบ้าบอลมาก !!ผมเหมือนแฟนบอลทั่วไปที่บังเอิญได้เล่นฟุตบอลอาชีพ”


“หากผมอยู่ในรถ ผมก็จะฟังพอดแคสต์ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล หากผมอยู่ที่บ้านตัวเอง ผมก็จะเปิดไอแพด เพื่อชมการแข่งขัน ผ่านทางช่องสกาย” เขากล่าวต่อ 


“ผมจึงเปิดดูรายการข่าว สกาย สปอร์ตส นิวส์ นักเตะเก่าๆ และนักวิจารณ์ พวกเขามานั่งรวมตัวกัน จากนั้น ในทีวีก็ปรากฏภาพนักเตะคนหนึ่ง ซึ่งแข้งคนนั้นก็คือผมเอง”


“พวกกูรูไม่แสดงออกถึงความตื่นเต้น พวกเขาพากันพูดด้วยว่า นี่คือการเซ็นสัญญาที่ย่ำแย่ และไม่ดีพอต่ออาร์เซน่อล, ค่าตัวโอเวอร์ไปมาก ไม่ใช่สิ่งน่ายินดี และตกชั้น 2 ครั้งเลยนะ”


“ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ สำหรับการนั่งดูเหล่าตำนานนักเตะ ในยุคที่คุณเติบโตมา และกลายมาเป็นไอดอล พูดจาผ่านทีวี พร้อมกับบอกว่าคุณเป็นขยะชิ้นหนึ่ง ต่อหน้าคนทั้งประเทศ” 


“เรื่องราวเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อตัวผมจริงๆ จากคนที่ดีใจตัวลอย ตอนได้ข่าวย้ายทีม ผมกลับคืนสู่โลกความเป็นจริง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผมปิดทีวี และการแจ้งเตือนโซเชี่ยล มีเดีย ทั้งหมดของตัวเอง”


สำหรับ “คำปรามาส” บางคนก็เป็นตัวเพิ่มความขี้ขลาด แต่บางคนก็เป็นตัวเพิ่มความแข็งแกร่ง เขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างหนัก จนโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่น และเซฟจังหวะสำคัญๆ พร้อมกับยังมีส่วนช่วยพลพรรค ”เดอะ กันเนอร์ส” ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา 


“4 ฤดูกาลแรก ในเส้นทางลูกหนังอาชีพของผม ผมพาทีมจบอันดับ 24, 20, 18 และ 20 กระทั่งฤดูกาลที่ผ่านมา ผมถึงได้มีโอกาสสัมผัสการลุ้นแชมป์ ผมไม่เคยเข้าสู่บรรยากาศการขับเคี่ยวแย่งแชมป์มาก่อนเลย”


“ตราบใดที่มีคนเชื่อมั่นในตัวคุณ พวกเขาเห็นว่าคุณทำงานหนักแค่ไหน และนำอะไรมาสู่ทีมได้ มันไม่สำคัญเลยว่า พวกคนที่เกลียดชังคุณจะพูดอะไรบ้าง”


อารอน แรมส์เดล กล่าวทิ้งท้าย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด