กัปตันทีมชาติญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในสงครามแย่งชิงลายเซ็นจากหลายสโมสรเหมือนกับ มอยเสส ไกเซโด้ ดาวเตะค่าตัวสถิติแพงที่สุดในอังกฤษ หรือ โรมีโอ ลาเวีย ดาวรุ่งวัย 19 ปี แต่เขาก็มีคุณลักษณะหลายอย่างที่ทำให้ คล็อปป์ ต้องยิ้มแก้มปริ
บนวัย 30 ปี เอ็นโด ไม่ได้ตรงตามสเป็ค หรือเข้านโยบายของ ลิเวอร์พูล ที่มักจะเซ็นสัญญาผู้เล่นอายุน้อย และค่อยๆ ปั้นจนพวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นแข้งระดับโลก แต่ คล็อปป์ เชื่อว่ามิดฟิลด์ญี่ปุ่นคือผู้ชนะ และเพื่อนๆ ของเขาทั้งที่ ไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็เห็นด้วย หลังได้เห็นการเติบโตของเขาที่ สตุ๊ตการ์ท ในบุนเดสลีกา
"ผมได้รับข้อความมากมายจากอดีตนักเตะของผม และอีกหลายคน" คล็อปป์ กล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการของ ลิเวอร์พูล หลังจากสโมสรยืนยันการคว้าตัว เอ็นโด ในราคา 16.2 ล้านปอนด์ โดยเซ็นสัญญาถึงปี 2027
"ทุกคนบอกแบบว่า 'ถ้าเป็นจริง นี่เป็นการซื้อที่อัจฉริยะเลย ฉันขอเซ็นสัญญากับเขามาหลายปีแล้ว' อะไรประมาณนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีมากในเยอรมัน เขาได้รับความเคารพอย่างสูง เขามีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับเราซึ่งก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน"
หลังจากตามจีบ ลาเวีย ดาวรุ่งชาวเบลเยียมอย่างเปิดเผยมาตลอดช่วงซัมเมอร์ และจากนั้นก็เล่นเกมด้วยการทุบสถิติเกาะอังกฤษสำหรับการคว้าตัว ไกเซโด้ ซึ่งที่สุดแล้วทั้งคู่ลงเอยด้วยกันที่ เชลซี คำถามคือทำไม คล็อปป์ และ ยอร์ก ชมัดท์เค่ ผู้อำนวยการกีฬาถึงเปลี่ยนแผน และหันไปหา เอ็นโด ล่ะ?
ความเก่งกาจของ เอ็นโด ก็คือเขาสามารถเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก หรือเซนเตอร์แบ็กได้ด้วย มันเป็นอีกอ็อปชั่นที่สำคัญ ในขณะที่สถิติอาการบาดเจ็บของเขาก็น่าประทับใจนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือที่ ลิเวอร์พูล ขาดไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเขาก็นำคุณสมบัติของความเป็นผู้นำติดตัวมาด้วย
นับตั้งแต่ฤดูกาลแรกของเขาในบุนเดสลีกา เอ็นโด อยู่ในชาร์ตอันดับสูงสำหรับการเอาชนะการครอบครองบอลในพื้นที่แดนสามของเกมรับมากที่สุด (254), ชนะการดวลลูกกลางอากาศมากที่สุด (219), เคลียร์บอลมากที่สุด (175) และเคลียร์บอลด้วยลูกโหม่งมากที่สุด (105) ขณะที่เขายังเชี่ยวชาญในเรื่องของการครองบอลด้วย
ในฐานะกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ตอนนี้ หงส์แดง มีผู้เล่น 5 คนที่เป็นกัปตันทีมชาติอย่างเป็นทางการในทีม ได้แก่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (สกอตแลนด์), โดมินิก โซบอสไล (ฮังการี), เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ฮอลแลน์) และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์)
เอ็นโด มีสถิติความพร้อมลงสนามที่โดดเด่นโดยพลาดการแข่งขันเพียง 2 นัดเท่านั้นในการลงเล่นให้ สตุ๊ตการ์ท เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นเนื่องจากติดโควิด และอีกนัดจากมาตรการป้องกันคอนคัสชั่น
ลิเวอร์พูล ยังคงชั่งน้ำหนักของเป้าหมายรายอื่นๆ อยู่ แต่ตอนนี้เชื่อว่าตำแหน่งการต่อรองของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากการเซ็นสัญญาของ เอ็นโด ทำให้พวกเขาไม่ต้องมีอาการ 'แพนิกบาย'
"เรายังคงอยู่ในตลาดอย่างแนนอน เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เราสามารถทำได้" คล็อปป์ กล่าว
กุนซือชาวเยอรมันมีความขัดแย้งเล็กน้อยกับเจ้าของทีมในเรื่องการเซ็นสัญญา เนื่องจากผู้บริหารของ ลิเวอร์พูล ไม่มั่นใจในการยกเลิกนโยบายปกติเพื่อซื้อนักเตะในวัย 30 ปี แต่ คล็อปป์ ไม่เชื่อ และเขาศึกษา เอ็นโด มาเป็นเวลานานแล้ว
"มันเป็นการย้ายที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของสาธารณชน" คล็อปป์ กล่าวเสริม
"มันไม่ใช่แบบ 'โอ้ พระเจ้า!' และคงไม่มีใครทำเพลงใหม่ให้เขาในตอนนี้ แต่ใจเย็น เขามีบางอย่างที่กองเชียร์ ลิเวอร์พูล จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน"
"เขาชินกับสีแดงอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็ดี... และเมื่อเขาสวมเสื้อตัวนั้น เขาจะทุ่มเททุกอย่างลงไปในสนาม และผู้คนจะต้องชอบมัน ผมรู้ดี เรามีเรื่องนี้กับ เจมส์ มิลเนอร์ นิดหน่อย"
คล็อปป์ หมายความว่า มิลเนอร์ ก็เซ็นสัญญาเข้ามาในช่วงพีคของอาชีพในช่วงปีแรกๆ ของเขา "มิลเนอร์ มาถึงที่นี่ตอนอายุ 29 ปี ไม่ใช่ว่าใครก็ประเมิน มิลลี่ ต่ำ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นและคาแร็คเตอร์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยพบมาในชีวิต"
"วาตารุ มีเส้นทางที่ต่างออกไปซึ่งอาจสร้างผลกระทบที่คล้ายกัน เขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก สูง 5 ฟุต 10 นิ้ว แต่กระโดดได้ทะลุเพดานเลย นั่นเป็นเรื่องที่ดี เขาติดทีมชาติญี่ปุ่นไปแล้ว 50 นัด เมื่อคุณเห็นเขาวิ่งในตอนนี้ไม่มีโอกาสที่ใครจะมองว่าเขาอายุ 30 ปีเลย"
"เขาดูไม่แก่พอที่จะขับรถด้วยซ้ำ ในสนามเขาดูเหมือนสัตว์ประหลาด เราจะดูว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน เราต้องการเขาที่ชัดเจน ผมมีความสุขมากที่เรื่องราวแบบนี้ยังเป็นไปได้ในโลกฟุตบอลที่บ้าคลั่งใบนี้ มันรู้สึกดีมาก"
ตอนนี้ เอ็นโด เริ่มนับหนึ่งกับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว มันอาจเป็นสถานการณ์ที่ฉุกเฉินไปหน่อยกับการต้องลงสนามไปตอนทีมเหลือ 10 คน แต่บทสรุปสุดท้ายก็ยังลงเอยด้วยความสวยงามจากชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ 3-1
นับจากนี้ ก้าวต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร จะยอดเยี่ยมเหมือนที่ คล็อปป์ คุยโขมงเอาไว้มั้ย เอ็นโด เท่านั้นที่จะให้คำตอบทั้งหมดได้
