:::     :::

เอเด็น อาซาร์ กับการเป็นฟรีเอเย่นต์

วันอังคารที่ 26 กันยายน 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,190
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดอย่างสมบูรณ์

สำหรับ “เอเด็น อาซาร์” ที่ยกเลิกสัญญากับเรอัล มาดริด ก่อนที่เขาจะยังหาต้นสังกัด เพื่อลงเล่นฟุตบอลไม่ได้ ส่งผลให้กลายเป็นฟรีเอเย่นต์ 


ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกันหน่อยว่า ทำไมดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม ถึงประสบความล้มเหลวกับ “ราชันชุดขาว” พร้อมกับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น ผ่านหลากหลายแง่มุมที่น่าสนใจ นอกจากเรื่องอาการบาดเจ็บอย่างที่รู้กัน เขายังต้องเจอกับแบบทดสอบสุดหิน ที่ไม่สามารถผ่านมันไปได้ 


ก่อนหน้านี้ อาซาร์ สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในนักเตะระดับแถวหน้าของโลก สมัยที่เขาสวมเครื่องแบบของเชลซี โดยตลอด 7 ฤดูกาล เขาพาพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และยูโรป้า ลีก 2 สมัย 


แน่นอนว่า ฤดูกาลสุดท้ายของเขากับเชลซี (2018-19) ถือเป็นช่วงเวลาที่แสนสวยงาม เมื่อเขายิง 21 ประตู (ทุกรายการ) ให้กับต้นสังกัด ภาพจำที่หลายคนมองอาซาร์ นี่คือจอมทัพระดับโลก เป็นนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกม และเสียบอลยากเอามากๆ

ทั้งนี้ เรอัล มาดริด ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่า พวกเขาตัดสินใจแยกทางกับ “เอเด็น อาซาร์” ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา การยกเลิกสัญญาในครั้งนี้ ถือเป็นความเห็นร่วมกันของเรอัล มาดริด และอาซาร์ แม้ยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี ถือเป็นการตัดสินใจที่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย เนื่องจากตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา เรอัล มาดริด ไม่สามารถใช้งานอาซาร์ ได้อย่างเต็มที่


วันแรกที่อาซาร์ กลายมาเป็นนักเตะเรอัล มาดริด เขาต้องโดนความกดดันถาโถมเข้ามาใส่ จากวันที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นนักเตะคนสำคัญของสโมสรเชลซี เขากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่รายล้อมด้วยซูเปอร์สตาร์ จากนักเตะที่แฟนบอลเชลซี รัก และเทิดทูน เขาก้าวมาสู่โลกอีกหนึ่งใบที่แตกต่างออกไป เพราะที่เรอัล มาดริด ทุกคนล้วนโดนโห่ หากเล่นไม่ดี 


สถานะการเป็นผู้เล่น และความรู้สึกต่างๆของอาซาร์ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นี่คือราคาที่เขาต้องจ่าย เพื่อแลกกับการย้ายออกมาพิสูจน์ตัวเอง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สนามซานติอาโก้ เบอนาเบว ผลปรากฏว่า แฟนบอล “ราชันชุดขาว” หลักครึ่งแสนคน เข้ามาเป็นสักขีพยาน 


ถือเป็นสิ่งยืนยันเป็นอย่างดีว่า แฟนบอลเรอัล มาดริด แสดงความคาดหวังในตัวเขามากแค่ไหน และมันจะมากขึ้นไปอีก เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ  สิ่งสำคัญคือ เรอัล มาดริด ทุ่มค่าตัว รวมกับอ็อปชั่นต่างๆราว 160 ล้านยูโร ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร


นอกจากนี้ อาซาร์ คือนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากสุดในทีมเช่นกัน ก่อนอำลาทีม อาซาร์ รับค่าเหนื่อยจากเรอัล มาดริด (หลักจากหักภาษี) เป็นจำนวน 288,000 ยูโรต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ 10 ล้านบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ อาซาร์ ยังย้ายทีมมา พร้อมกับรับเสื้อหมายเลข 7 ไปครอบครอง ซึ่งเป็นหมายเลขเดิมของตำนานอย่าง “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” 


ทั้งหมดทั้งมวล คือความกดดันลูกโต ที่คอยเล่นงานอาซาร์ อย่างไม่รู้ตัว แน่นอนว่า ไม่ใช่นักเตะทุกคนที่จะรับมือกับมันได้ และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น 

การเป็นนักเตะของเรอัล มาดริด ตัวของอาซาร์ โดนเครื่องหมายคำถามบ่อยครั้ง เรื่องสำคัญที่สุดคือ “อาการบาดเจ็บ” สถิติที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ “transfermarkt” ที่รวบรวมอาการบาดเจ็บของอาซาร์ พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ตัวเลขยืนยันว่า 4 ฤดูกาลกับเรอัล มาดริด - อาซาร์ พลาดการลงสนามมากกว่า 78 เกม (รวมทุกรายการ)


หากตีตัวเลขออกมาเป็นวัน อาซาร์ ต้องใช้เวลารักษาร่างกายนานกว่า 500 วัน !!! ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สโมสร และแฟนบอลคาดหวังเอาไว้เลย อาการบาดเจ็บของเขา ลุกลามไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หัวเข่า, สะโพก, ข้อเท้า, แฮมสตริง, น่อง, กระดูก และกล้ามเนื้อ 


ส่งผลให้เขาลงสนามให้กับเรอัล มาดริด เฉลี่ยฤดูกาลละ 19 เกมเท่านั้น แถมโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง และเล่นแบบเต็มเกมน้อยครั้งมาก แฟนบอลเรอัล มาดริด ถึงกับเดือดมากขึ้นไปอีก เมื่อสถิติอาการบาดเจ็บของอาซาร์ ที่ต้นสังกัดเก่า ถือว่าน้อยเอามากๆ


การเล่นกับทัพ “สิงห์บลูส์” อาซาร์ เคยพักรักษาตัวนานสุดเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น นอกนั้นเป็นอาการบาดเจ็บเบาๆ พักแค่ 2-3 เกมก็คัมแบ็คได้แล้ว อาการบาดเจ็บ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้อาซาร์ ล้มเหลวกับเรอัล มาดริด อย่างสิ้นเชิง โทรฟี่ และความสำเร็จที่ได้มา เขาแทบไม่มีส่วนร่วมกับมันเลย 


นอกจากอาการบาดเจ็บแล้ว อาซาร์ ยังคงถูกแฟนบอลเรอัล มาดริด มองว่าไม่ยอมดูแลร่างกายตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ดี ภาพที่ออกมาตามหน้าสื่อบ่อยครั้ง นั่นคือการที่เขายอมปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนน้ำหนักเกินมาตรฐานที่สโมสรตั้งเอาไว้ โดยอาการบาดเจ็บ ทำให้อาซาร์ หมดโอกาสลงสนาม ตามตัวเลขเชิงสถิติที่เราเพิ่งกล่าวไป

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เข้าข้างอาซาร์ ต่อไปอีก เมื่อสภาพร่างกายพอลงเล่นได้ เขาก็โดน “ตำแหน่งการเล่น” กักขังเอาไว้อยู่ที่ม้านั่งสำรอง อาซาร์ ถูกวางตำแหน่งเอาไว้ว่า เป็นนักเตะที่ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้าย ทว่าอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้


ความปราดเปรียว, ความมั่นใจ และความหิวกระหาย ดูเหมือนจะหายไป นอกจากการแข่งขันกับตัวเองแล้ว อุปสรรคที่เขาไม่อาจเอาชนะได้เลย นั่นคือคู่แข่งในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายอย่าง “วินิซิอุส จูเนียร์” ที่ก้าวมายึดตำแหน่งตัวจริงอย่างมั่นคง พร้อมกับสถาปนาตัวเองเป็นนักเตะอายุน้อยที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนังเวลานี้ 


ดาวเตะทีมชาติบราซิล ประสานงานกับนักเตะแนวรุกคนอื่นได้ดี โดยเฉพาะกับอดีตกองหน้าอย่าง “คาริม เบนเซม่า” ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถือเป็นสิ่งที่อาซาร์ ไม่สามารถทำได้ จนต้องยอมรับในการตกไปเป็นตัวสำรอง แม้แต่วันที่ “วินิซิอุส จูเนียร์” ร่างกายไม่พร้อมลงสนาม ผู้จัดการทีมยังเลือกนักเตะคนอื่นลงสนามก่อนหน้าเขา


นี่คือภาพสะท้อนที่ออกมา ซึ่งเป็นฉากอำลาที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก และไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจเอาไว้ แม้แต่ในช่วงวันสุดท้ายของอาซาร์ กับเรอัล มาดริด ในเกมลาลีกา นัดสุดท้ายที่เสมอกับแอธเลติก บิลเบา 1-1 เขาก็เป็นสำรอง ที่ไม่ถูกลงสนามด้วยซ้ำไป


อีกหนึ่งแง่มุม เรอัล มาดริด คว้าตัวอาซาร์ มาเสริมทัพ สมัยที่พวกเขายังมีผู้จัดการทีมนามว่า “ซีเนอดีน ซีดาน” ซึ่งซีดาน เป็นคนที่ยกย่องฝีเท้าของอาซาร์ เป็นอย่างมาก แถมกางปีกปกป้อง ในช่วงเวลาที่อาซาร์ ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ 


อย่างไรก็ตาม จากอาการบาดเจ็บต่างๆ ทำให้ซีดาน ไม่อาจหนุนหลังเขาได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ซีดาน ทำงานร่วมกับอาซาร์ ที่เรอัล มาดริด เพียงแค่ 2 ฤดูกาล ก็ต้องโบกมืออำลาทีมไป ก่อนจะเป็นกุนซือมากประสบการณ์อย่าง “คาร์โล อันเชล็อตติ” ที่เข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนต่อ


เวลาต่อมา เรื่องราวในแคมป์ของเรอัล มาดริด ก็หลุดออกมาตามหน้าสื่อ ซึ่งคนที่เปิดเผยเรื่องราวนี้ ก็คือตัวของอาซาร์ 

โดขเขาออกมายอมรับว่า เขามีความรู้สึกบางอย่าง ในด้านความสัมพันธ์กับอันเชล็อตติ โดยพวกเขาไม่คุยกันมาสักพักหนึ่งแล้ว 


แม้ระหว่างพวกเขาจะมีความเคารพซึ่งกันและกันอยู่ แต่มันก็ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยการไม่พูดคุยกัน นี่คือความสัมพันธ์ของเจ้านายลูกน้องที่แปลก อาซาร์ มองว่า ส่วนหนึ่งของปัญหา คือโอกาสในการลงสนามของเขาที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ทาง อันเชล็อตติ ก็มองว่า เขาต้องเลือกส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม ซึ่งในบางครั้ง อาซาร์ ไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนั้นได้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด