:::     :::

ทีมชาติไทย เจ็บทุกทาง

วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
554
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เละไม่มีชิ้นดีสำหรับสภาพทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ที่บุกไปแพ้ จอร์เจีย ทีมอันดับ 79 ของโลกแบบย่อยยับถึง 8-0 ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์

แน่นอนว่าก่อนการแข่งขันหลายคนคงมองว่า ไทย คงแพ้แน่ เพราะเมื่อดูอันดับในฟีฟ่า แรงกิ้ง เราเป็นรองเจ้าบ้านหลายขุม แม้พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นทีมเกรดระดับล่างของยุโรปก็ตาม 


นอกจากนี้ จอร์เจีย ยังมีนักเตะระดับท็อปของยูโรปอย่าง ควิชา ควารัตสเคเลีย ปีกจอมพริ้วจากสโมสรนาโปลี แชมป์กัลโช่ซีเรียอา อิตาลี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และได้รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของ เซเรีย อา (MVP) และติดทีมยอดเยี่ยมขอลีกแดนมะกะโรนี

หรือจะเป็น จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ผู้รักษาประตูจาก บาเลนเซีย ในลาลีก้า สเปน, ซูริโก้ ดาวิตาชวิลี่ จาก บอร์กโดซ์ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส และ จอร์จี้ มิคูตาดเซ่ หัวหอกจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 

ขณะที่ขุมกำลังที่ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชยกพลออกไปเล่นบนแผ่นดินยุโรปไม่ใช่นักเตะตัวหลัก ผสมกับนักเตะดาวรุ่งที่ไร้ประสบการณ์ระดับนานาชาติ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่าผลการแข่งขันสกอร์มันจะแพ้ขาดลอยถึง 8-0 


นี่คือความพ่ายแพ้ที่แสนเจ็บปวดจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมาได้อย่างไร เพราะเราแทบไม่เคยเห็นฟุตบอลชาติตัวเองโดนถลุงเละจากทีมที่ไม่ใช่ระดับท็อปของโลก 

ในเกมที่เราแพ้ บราซิล 0-7 ในปี 2000 ยังพอเข้าใจได้ เพราะขุนพล “แซมบ้า” ชุดนั้นแทบจะเป็นชุดใหญ่ ขาดแค่ โรนัลโด้ คนเดียว นอกนั้นมีทั้ง ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, โจวานนี เอลแบร์, คาฟู, เซ โรแบร์โต้, จูนินโญ่ แปร์นัมบูร์กาโน่ หรือ โรแบร์โต้ คาร์ลอส 

ขนาดเจอทีมอย่าง อุรุกวัย ชุดใหญ่ ทีมอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งขนผู้เล่นชุดใหญ่มาครบครันในศึกไชน่า คัพ ปี 2019 เรายังแพ้แค่ 4-0 


การยกพลบุกทวีปยุโรปแทนที่ทีมชาติไทยจะได้ประโยชน์ในเกมฟีฟ่าเดย์ ซึ่งเป็น 2 เกมสุดท้ายก่อนทำศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เจอของแข็งอย่าง จีน ในเดือนพฤศจิกายน เท่ากับว่าเราไม่ได้อะไรเลย นอกจากบั่นทอนจิตใจนักเตะ 

ยังดีที่ จอร์เจีย มีผ่อนเกม และ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล มือกาวจาก ราชบุรี เอฟซี ออกแรงเซฟช่วยไปถึง 14 ครั้ง ไม่อย่างนั้นสกอร์คงไม่หยุดอยู่ที่ 8 ประตูแน่ๆ 

ในวันที่ฟุตบอลไทยกำลังเกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นยอดคนดูที่ลดน้อยลง ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ไม่มีใครซื้อด้วยเงินหลักพันล้าน จนทำให้สโมสรหาทางออกด้วยการประกาศขายแพ็กเกจให้แฟนบอลซื้อลิขสิทธิ์แบบถูกกฎหมาย เพื่อนำเงินไปหมุนในระบบและให้แต่ละสโมสรยืนหยัดอยู่ได้ 


แต่ผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลดัน “ฆาตกรรม” ฟุตบอลไทย และด้อยค่าลูกหนังไทย ด้วยการไม่ปล่อยนักเตะตัวหลักมาช่วยทีมชาติไทย ในเกมอย่างเป็นทางการอย่าง “ฟีฟ่า เดย์” 

ทว่าดันกล้าปล่อยนักเตะต่างชาติไปช่วยทีมของพวกเขาเอง การแพ้นัดนี้นอกจากจะทำให้แฟนบอลหมด “ศรัทธา” กับฟุตบอลไทย ยังทำให้แฟนบอลขาจรหยามเหยียดฟุตบอลไทยให้จมดินไปอีก 

นั่นเท่ากับว่ามูลค่าลูกหนังไทยที่ต่ำเตี้ยราดดินอยู่แล้วจะยิ่งแย่ลงไปอีก กว่าจะทำให้บูม หรือมีมูลค่าอย่างเก่าคงยากขึ้นไปอีก 

มองมุมไหนการบุกยุโรปครั้งนี้ก็ไม่คุ้มเอาเสียเลย แถมยังชอกช้ำกว่าเดิมอีก เรียกว่าเจ็บทุกทางจริงๆ 


เกมต่อไปกับ เอสโตเนีย 17 ตุลาคมนี้ หวังว่า มาโน่ จะปลุกใจนักเตะให้วิ่งสู้ฟัดเต็มที่ ผลการแข่งขันอาจจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้แฟนบอลได้เห็นว่าทุกคนพร้อมสู้เพื่อทีมชาติไทย และเล่นอย่างมีศักดิ์ศรีแล้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})