:::     :::

ทำความรู้จักกับ "มาเตอุส นูเนส"

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
403
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเป็นทางการ

สำหรับ “มาเตอุส นูเนส” ด้วยค่าตัวประมาณ 53 ล้านปอนด์ แม้ถูกมองว่า เป็นการเซ็นสัญญาเข้ามา เพื่อเป็นการทดแทนการหายไปของเควิน เดอ บรอยน์ ที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม นูเนส ถือเป็นหนึ่งนักเตะพรสวรรค์ ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก 


พร้อมกับได้รับการคาดหมายว่า เขาน่าจะนำมิติใหม่ๆ เข้ามาสู่เกมรุกของทางทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่กว่าจะก้าวมาเป็นนักเตะระดับพันล้าน ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นูเนส ต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย 


ตั้งแต่การเอาตัวรอด จากการเป็นกลุ่มหัวขโมย และแกงค์ยาเสพติด ที่บ้านเกิดอย่างประเทศบราซิล ก่อนเดินทางมาสร้างชีวิตใหม่ ที่ประเทศโปรตุเกส ด้วยการทำงานหนัก ควบคู่ไปกับการเล่นฟุตบอล ในลีกระดับล่าง 


เรื่องราวที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู่ ก่อนที่จะเป็นนักเตะใหม่ของพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ไม่กี่ปีที่แล้ว เขายังทำงานเป็นเด็กในร้านขายเบเกอรี่ อยู่เลย แถมต้องปั่นจักรยานไปฝึกซ้อมฟุตบอลด้วย เราลองย้อนไปดูเส้นทางชีวิตของนูเนส กันหน่อย ลองไปดูกันว่า เขาก้าวมาประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก นูเนส ลืมตาดูโลก ที่ชุมชนแออัดในย่าน “กัมโป กรันเด้” Ffpเขาเติบโตขึ้นมา จากการดูแลโดย “คาเทียร์” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เนื่องจากคุณพ่อตัดสินใจแยกทางไป ไม่ได้มีส่วนร่วมกับชีวิตของเขาเลย 


นูเนส ออกมาย้อนความทรงจำว่า บางครั้ง ครอบครัวเขาก็ต้องยอมอดมื้อกินมื้อ แม้จะมีฐานะยากจน แต่คุณแม่ก็ยังทำงานหนักทุกวัน เพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี คุณแม่ยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ลูกชายห่างไกลยาเสพติด, หัวขโมย และแกงค์อันธพาล 


หนึ่งในตำราการเลี้ยงดู นั่นคือการปลูกฝังให้นูเนส รู้จัก และหลงรักกับกีฬาที่คนบราซิเลี่ยน หลงรักมากที่สุดอย่าง “ฟุตบอล” จากการปลูกฝังของคุณแม่ นูเนส เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุน้อย พร้อมกับมีโรนัลดินโญ่ ตำนานทีมชาติบราซิล เป็นไอดอลในดวงใจ


นูเนส กล่าวว่า “บางครั้ง บ้านของเราก็ไม่มีอะไรกินเลยล่ะ แม้ว่าคุณแม่ของผมนั้น ไม่เคยหยุดทำงานเลยก็ตาม สำหรับผม คุณแม่เปรียบดั่งนักรบ ท่านเป็นคนที่คอยปลูกฝังความรักในฟุตบอลให้กับผมผมได้สัมผัสลูกบอลครั้งแรก ท่านก็เล่นด้วย ถ้าไม่มีลูกบอล ผมกับพี่ชายก็นำถุงเท้ามาเป็นลูกบอล”


“นอกจากนี้ คุณแม่ยังคงพูดอยู่ทุกวันนี้ว่า ท่านไม่ต้องการเห็นผมเป็นหัวขโมย หรือว่าเป็นพวกค้ายา” จากคำสอนที่ยอดเยี่ยมของคุณแม่ ผลสุดท้ายแล้ว นูเนส ก้าวขาเข้าสู่วงการลูกหนังอาชีพอย่างเต็มตัว และนั่นคออนาคตที่สดใสที่เฝ้ารอเขาอยู่



เรื่องราวที่น่าสนใจคือ นูเนส ไม่เหมือนกับเด็กชาวบราซิเลี่ยน ส่วนใหญ่ ที่เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในบ้านเกิดของตัวเอง โดยในวัย 12 ปี นูเนส ออกเดินทางมาที่ประเทศโปรตุเกส พร้อมกับคุณแม่ และพ่อเลี้ยงที่เป็นชาวอังกฤษ 


เขาเริ่มต้นเล่นกับทีมเยาวชนของ “เอริเซเรนเซ่” ซึ่งเวลานั้น เป็นเพียงทีมระดับดิวิชั่น 6 ของโปรตุเกส ก่อนก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเขาไม่เคยเป็นเรื่องง่ายดายเลย โดยเขาต้องมีแบบทดสอบเข้ามา เพื่อเป็นการพิสูจน์ความอดทนอยู่เสมอ 

ช่วงแรกของการเป็นนักฟุตบอล เขาต้องทำงานที่ร้านเบเกอรี่ควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการช่วยครอบครัวหาเงินอีกหนึ่งช่องทาง นูเนส ย้อนความทรงจำ ในช่วงเวลานั้นว่า “ผมทำงานที่ร้านเบเกอรี่ ประมาณครึ่งปีเลยทีเดียว”


“ผมต้องรีบมาร้านเบเกอรี่ ในตอนเช้า และหากผมมีการแข่งขันในช่วงบ่าย ผมก็ต้องทำควบคู่กันไป บางครั้ง ผมต้องยืนขายขนมปังเป็นเวลา 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แน่นอนว่า การเดินทางไปฝึกซ้อมฟุตบอล ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”


“เนื่องจากเวลานั้น ผมยังไม่มีใบขับขี่รถยนต์ ฉันจำเป็นต้องตื่น ตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปทำงานที่ร้านขายขนมปัง ด้วยการปั่นจักรยาน” เพียงไม่นาน คำว่า “โอกาส” ก็เข้ามาตอบแทนความพยายามของทางนูเนส จากเด็กขายชนมปัง กำลังมีชีวิตที่ดีขึ้น  


เมื่อเขาถูก เอสโตริล ทีมในระดับดิวิชั่น 2 เซ็นสัญญา และคว้าตัวไปร่วมทีม ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล


อย่างที่เราบอกไป นูเนส มีไอดอลคือโรนัลดินโญ่ อดีตเพลย์เมคเกอร์ของทีมชาติบราซิล ที่มีการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ นูเนส กล่าวว่า “โรนัลดินโญ่คือไอดอลของผม ผมพยายามเลียนแบบเขามาตั้งแต่เด็ก ผมชอบวิธีการเล่นของเขาเสมอมา”


“ตอนที่โรนัลดินโญ่ เล่นกับบาร์เซโลน่า ผมเลยกลายเป็นคนที่ชื่นชอบบาร์เซโลน่า ตอนที่เขาอยู่ที่เอซี มิลาน ผมก็ตามเชียร์เอซี มิลาน ผมมองว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ตอนที่เขาย้ายไปฟลาเมงโก้ เพราะผมเป็นแฟนบอลตัวยงของฟลาเมงโก้”


“เขาเป็นไอดอลของผม มันเป็นแบบนั้นเสมอมา เขาถือเป็นภาพลักษณ์ของสิ่งที่ฉันอยากเป็นในฐานะนักฟุตบอล” กระทั่งช่วงปี 2018 เอสโตริล ทีมในระดับดิวิชั่น 2 คว้าตัวเขาไปร่วมทีม เพียงไม่นาน พรสวรรค์ และความอุตสาหะของเขา ก็แสดงออกให้ทุกคนเห็น


นูเนส ค้าแข้งกับเอสโตริล เพียงครึ่งปี ก็ต้องย้ายออกจากทีมไป แต่อย่าเข้าใจผิดว่า เขาพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ แต่โชคชะตานำพาเขาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เมื่อแมวมองของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกส ประทับใจในฝีเท้าของนูเนส ก่อนดึงไปร่วมทีม ในเดือนมกราคม 2019 


พร้อมกับมอบสัญญายาว 5 ปี โดยจ่ายเพียง 500,000 ปอนด์ สำหรับการย้ายทีมในครั้งนี้ ตั้งแต่นั้น นูเนส พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในสตาร์ ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุด โดยที่มีรายงานว่าเชลซี มอบความสนใจ ก่อนที่จะเป็นวูล์ฟส ที่คว้าลายเซ็นของเขามาครอบครอง

“ผมอยากจะบอกว่ามาเตอุส นูเนส คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกทุกวันนี้” นี่คือคำกล่าวของทาง เป็ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นว่า เป็ป ไม่ได้ซื้อตัวนูเนส เข้ามาร่วมทีม เพียงเพราะเป็นคนขัดตาทัพ สำหรับการหายไปของเควิน เดอ บรอยน์ เพียงเท่านั้น 


แต่เป็นการดึงตัวเข้ามา พร้อมกับมีความเชื่อมั่น และความศรัทธาในฝีเท้าอีกด้วย นั่นคือสิ่งที่นูเนส สร้างความประทับใจให้เป็ป หลายคนเชื่อเหลือเกินว่า การเล่นที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และร่วมงานกับเป็ป จะเป็นการช่วยยกระดับฝีเท้าของนูเนส ก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด


เรื่องราวทั้งหมด เกิดจากความพยาพยาม และความอดทน ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวัยรุ่น บางคนมองว่า ร้านเบเกอรี่ ช่วยหล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่ง โชเซ่ ชิเอร่า หัวหน้าแมวมองของทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ออกมากล่าวว่า “ช่วงเวลานั้น นูเนส เป็นนักพัฒนาที่ช้ามาก เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น” 


“แต่เวลาเดียวกัน เขามีทุกสิ่งที่คุณมองหาจากกองกลางบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ เขาสามารถจ่ายบอลทะลุแนว และควบคุมการเล่นได้ เขาชอบทำงานหนัก และเรียนรู้ เขาเป็นผู้ฟังที่ดี และมีความหิวกระหายด้วย เรามองโลกในแง่ดีว่า เขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ดีจริงๆ””  


ส่วนอเล็กซานเดร ซานโตส หนึ่งในที่ปรึกษาในยุคแรกของนูเนส ช่วยยืนยันว่าร้านขายขนมปัง ถือเป็นบทเรียนที่แสนสำคัญ ในชีวิตของนักเตะคนนี้ ร้านเบเกอรี่ คอยสอนให้นูเนส กลายเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้จะเจอกับอุปสรรคอะไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่เล่นกับทีมท้องถิ่น จนถึงวันนี้กับ “เรือใบสีฟ้า”


โดยกล่าวว่าร้านเบเกอรี่ แสดงให้เห็นว่า เขาแตกต่างจากผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์อะไร นอกเหนือจากโลกฟุตบอล เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ แน่นอนว่า เขากลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เขามี ทุกอย่างต้องผ่านความพยายาม เขาไม่รีบร้อนที่จะไปถึงระดับสูงสุด


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด