:::     :::

ทายาทกัปตันทีม "ช้างศึก" คนต่อไป

วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
713
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความว้าวุ่นของพลพรรค "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ในทริปอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ 2 นัดบนแผ่นดินยุโรป จบลงด้วยเสียงปรบมือ

เกมอุ่นเครื่องนัดส่งท้าย ไทย สามารถเสมอกับ เอสโตเนีย ทีมอันดับ 115 ของโลกไปอย่างสนุก 1-1 จากการโหม่งของ จักพัน ไพรสุวรรณ กองหลังจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นประตูแรกของเขาในสีเสื้อทีมชาติไทยอีกด้วย 

ถือเป็นการตอบโต้แฟนบอลด้วยผลงานในสนามได้สุดยอด หลังโดน จอร์เจีย ทีมอันดับ 79 ของโลก ซึ่งในเวทียุโรปพวกเขาถูกยกให้เป็นทีมเล็กๆ หรือทีมเกรดประมาณเกรดซีไล่อัดไปถึง 8-0 


ความจริงหากไม่ผ่อนเกมหรือยิงคมกว่านี้ รวมไปถึงไม่โดน กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล มือกาวจาก “ราชบุรี เอฟซี” เซฟกระจาย สกอร์น่าจะจบลงด้วยเลข 2 หลักด้วยซ้ำ การไปอุ่นเครื่องที่ยุโรปครั้งนี้ทีมชาติไทยก็ไม่ได้แพ้ทั้งสองนัด และยังยิง 1 ประตูเป็นรางวัลปลอบใจเล็กๆ 

เหนือสิ่งอื่นใดคือการเล่นของทีมชาติไทยเรียกว่าสมศักดิ์ศรีของชาติที่โดนยำเละ เพราะนักเตะใส่เต็มที่ แม้จะโดนเจ้าบ้านนำไปก่อน แต่สามารถฮึดสู้ตามตีเสมอได้สำเร็จ

เล่นแบบนี้บอกเลยว่าแฟนบอลพร้อมหนุนหลังเสมอ 

ที่สำคัญมันเป็นการเรียก “ศรัทธา” แฟนบอลกลับมาได้ไม่มากก็น้อย ก่อนศึกใหญ่ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่จะฟาดแข้งกับขุนพลจากแดนมังกร “จีน” ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ 


แต่บทเรียนที่ได้รับจากการไปอุ่นเครื่องที่ยุโรปควรนำมาแก้ไขอย่าง “จริงจัง” จากผู้มีบารมีในวงการฟุตบอล เพื่อโอกาสสานฝันการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้เป็นจริงในชาตินี้เสียที 

ไม่ใช่พอบอลจบแล้วออกมาขอโทษโน่นนี่นั่น ยุคนี้แฟนบอลเขาเข้าถึงฟุตบอลไทยมากขึ้น เพราะฉะนั้นการกระทำ เสียงดังกว่าคำพูดเยอะ ยิ่งพูดเยอะแล้วทำไม่ได้ ทำฟุตบอลทีมชาติเสียหาย มีแต่จะเสียเครดิตตัวเองเปล่าๆ  

สิ่งที่ได้เห็นอีกอย่างในการอุ่นเครื่องล่าสุดคือ ฟุตบอลยุคใหม่ไม่ได้วัดกันที่การเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง อย่างเดียว เรื่องของกายภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน 

ร่างกายนักกีฬาต้องแข็งแรง สูงใหญ่ พร้อมปะทะ วิ่งเพรสซิ่งไล่บอลได้ตลอดเกม พลังงานนักเตะต้องเหลือล้นพร้อมลุยตลอด 90 นาที หากวิ่งได้ 120 นาทีไม่มียุบยิ่งดีใหญ่ 

เกมอุ่นเครื่องทั้ง 2 นัด มันแสดงให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อการพัฒนาฟุตบอลจริงๆ แน่นอนว่า “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ยุคใหม่สามารถทำได้


นักกีฬาเองต้องพร้อมอุทิศตน ทำงานหนัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ กินอาหารที่มีประโยชน์อย่างจริงจัง เพราะการตบมือข้างเดียวไม่ดัง มีแต่ทฤษฎีอย่างเดียวไม่ได้ คนปฏิบัติต้องมีวินัยเอาไปทำจริงด้วย

ส่วนระบบการเล่นก็ต้องเน้นตั้งแต่เยาวชน ไม่ใช่เน้นผลการแข่งขันอย่างเดียว หากพัฒนาสอดคล้องทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันอย่างจริงจัง ทีมชาติไทย เราไปไกลได้แน่ 

เราควรเรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่ใช่มัวแต่เขินอายจนไม่ได้อะไรกลับมา ไม่มีใครไม่เคยแพ้ แต่แพ้แล้วจะกลับมาชนะยังไงคือสิ่งสำคัญ

อีกประเด็นสำหรับการไปอุ่นเครื่องในยุโรปก็คือการสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ครั้งแรกของ กฤษดา กาแมน ดาวเตะวัยย่างเบญจเพศของ ชลบุรี เอฟซี


ทีม “ฉลามชล” นอกจากจะส่งนักเตะฝีเท้าดีก้าวสู่ทีมชาติไทยทุกรุ่นอายุแล้ว ในอดีตจนถึงปัจจุบันยังมีนักเตะหลายคนเคยสวมปลอกแขนกัปตันทีม “ช้างศึก” ไม่ว่าจะเป็น สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, อดุล หละโสะ จนถึง “เจ้าและห์” เป็นรายล่าสุด 

การเป็นกัปตันทีมไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา เพราะตอนช่วยทีมชาติไทยระดับเยาวชนเขาได้รับบทบาทนี้มาตลอด รวมไปถึงในระดับสโมสรปัจุบันเขาคือผู้นำในสนามของ ชลบุรี

แม้พรรษาลูกหนังของกัปตันทีมจากลุ่มน้ำเค็มจะน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ในทริปลุยยุโรปหลายคน แต่เขาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม 

ไม่ว่าจะเป็นการรับมือคำถามที่สื่อมวลชนเจ้าถิ่นที่จะพยายามขยี้ประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังนักเตะไทยต้องรับประทานแม็คโดนัลด์ระหว่างเดินทางจาก จอร์เจีย ไป เอสโตเนีย เนื่องจากไม่มีอาหารว่างไว้รองรับความหิวโหย

“ก็มันหิว ก็ต้องกิน” การตอบคำถามสั้นๆ แต่แสดงให้ถึงไหวพริบ จากจะเพิ่มดราม่ากลับกลายเป็นเรื่องปกติของคน หิวก็กิน จะอดทำไม! 


ส่วนในสนาม กฤษดา ยังพยายามกระตุ้นเพื่อนๆ และพี่ๆ เขาแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท โดยเฉพาะในเกมกับ เอสโตเนีย ซึ่งเขาถึงขยับไปเล่นกองกลางตัวรับ 

เขาวิ่งพล่านไม่หยุด พยายามเชื่อเกม และมีโอกาสสอดขึ้นไปยิงประตู แต่โดนมือกาวเจ้าถิ่นเซฟได้ 

ในวันที่นักเตะรุ่นพี่ กัปตันทีมตัวจริงอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น และ ธีรศิลป์ แดงดา อายุแตะเลข 3 และใกล้จะปลดระวางในทีมชาติ โอกาสจะเห็น “เจ้าและห์” ขึ้นมาเป็นทายาทกัปตันทีม “ช้างศึก” ในอนาคตมีสูง 


หากมองจากนักเตะในรุ่นเดียวกัน หรือช่วงอายุห่างกันไม่กี่ปี ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับดาวเตะรายนี้อีกแล้ว ทั้งฝีเท้าและคาแรกเตอร์ความเป็นผู้นำ

ต้องปรบมือให้ ชลบุรี ที่นอกจากปั้นนักเตะประดับวงการลูกหนังแล้ว และส่งนักเตะไปช่วยชาติตลอด แถมยังปั้นกัปตันทีมสู่ทำเนียบทีมชาติได้จากรุ่นสู่รุ่นไม่ขาดสายอีกด้วย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด