อย่างไรก็ตามจากการเปิดเผยของ แกรม ซูเนสส์ ตำนานนักเตะของ ลิเวอร์พูล เล่าว่าเขาเคยมีโอกาสได้เจอกับมหาเศรษฐีคนดังพร้อมเคยบอกว่าอย่าได้ซื้อสโมสรฟุตบอลเด็ดขาด
วันนี้ไม่ใช่แค่การซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอล แต่เป็นหนึ่งในทีมที่ยากที่สุดของโลกลูกหนังกับภารกิจพาสโมสรให้กลับมาอยู่ในแถวหน้าของวงการอีกครั้ง
"ผมมีโอกาสได้เจอกับ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ ผ่านทางเพื่อนของผมเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อครั้งที่เขาสนใจซื้อ เชลซี และผมรู้สึกประทับใจกับสิ่งหนึ่งในทันที"
"เขาลงมาที่แผนกต้อนรับเพื่อพบกับผม และผมก็คิดว่า 'เขาเป็นคนระดับนี้ แต่มีความอ่อนน้อมอย่างมาก' ห้องทำงานของเขาอยู่บนชั้น 8 และเขาพูดว่า 'จะว่าอะไรไหมถ้าเราจะเดินขึ้นบันไดกัน? ผมชอบที่จะทำแบบนั้น 2-3 ครั้งต่อวันน่ะ' นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายของเขา!"
"ผมเดินไปกับเขาทีละขั้น การออกกำลังกายนี้ของเขาทำให้ผมประทับใจ กับตอนนี้ เขามีภูเขาให้ปีนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
"สโมสรที่เขากำลังจะถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ยังห่างไกลจุดที่พวกเขาต้องการที่จะอยู่อย่างมาก พวกเขาเป็นหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่พวกเขามีกลุ่มผู้เล่นปานกลาง ผมเคยบอกไปเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศว่าทีมจาก แมนเชสเตอร์ จะมี 11 คนจาก ซิตี้, มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
"เพราะสิ่งนั้น จึงมีประเด็นที่ แร็ตคลิฟฟ์ ต้องทำอย่างเร่งด่วน, การเสริมทีม, นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องทำให้ถูกต้องไม่ว่ากับสโมสรไหน, กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไปในปี 2013 พวกเขาใช้เงินไปแล้วกว่า 1 พันล้านปอนด์ในกระบวนการนั้น"
"เพื่อเน้นย้ำถึงประเด็นนี้ ผมไม่เคยร่วมงานหรือเห็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมมาก่อนเลย แต่ผมเคยร่วมงานและเห็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่ จ็อค สไตน์ มาถึง บ็อบ เพรสลี่ย์, โจ ฟาแกน และ เซอร์ อเล็กซ์"
"ไม่มีวิธีใหม่ในการเล่นฟุตบอล มันเป็น และเป็นอยู่ และจะเป็นเกี่ยวกับการมีผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม, แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีคนที่ตัดสินใจเรื่องฟุตบอล ทำให้เกิดความผิดพลาดมหันต์มากกว่าทศวรรษ"
"ลองพิจารณาเรื่องนี้ดู - หากคุณส่งนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าไปในตลาดซื้อ-ขาย พวกเขาจะได้เงินคืนเท่าไร? ผมไม่คิดแบบนั้น บางคนบอกว่าที่ผมพูดแบบนี้เพราะผมเป็นนักเตะเก่าของ ลิเวอร์พูล มันเป็นแบบนั้นเสมอเมื่อผมวิจารณ์ แมนฯ ยูไนเต็ด"
"ไม่ มันไม่เป็นแบบนั้น เราต้องการ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่แข็งแกร่งในพรีเมียร์ลีก แต่มันไม่ได้แก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน พวกเขาไม่ได้มาจากจุดที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีกในช่วงตลาดซื้อ-ขาย 2-3 หน พวกเขาต้องอดทน ฉลาด และพวกเขาต้องมีโชค เพราะพวกเขาตามหลังอยู่ไกลมาก"
"ผมอ่านหนังสือพิมพ์ไม่กี่วันก่อนว่า เอริก เทน ฮาก ต้อนรับการมาของ แร็ตคลิฟฟ์ เพราะเขารู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องการเสริมทีม ขอโทษนะ แต่ผู้จัดการทีมจะไม่ได้บัตรผ่านฟรี อดีตนักเตะ อาแจ็กซ์ 3 คนที่เขาเซ็นสัญญาด้วยค่าตัว 170 ล้านปอนด์ - อันโตนี่, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ และ อ็องเดร โอนาน่า - คนที่เขาเลือก และผมมั่นใจว่า ไทเรลล์ มาลาเซีย จาก เฟเยนูร์ด ก็เช่นเดียวกัน"
"ผมไม่คิดว่านักเตะเหล่านี้จะช่วยยกระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากขึ้น ดังนั้น เทน ฮาก ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากการเสริมทีมได้ม แร็ตคลิฟฟ์ รู้ถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ตอนที่ผมพบเขา เขาลงเอยด้วยการซื้อ นีซ, ผมไม่แน่ใจว่า นีซ จะพัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของเขา แต่ประสบการณ์จะเป็นประโยชน์ของเขาได้เป็นอย่างดี"
"เขาเป็นคนที่น่าประทับใจมากๆ เป็นคนพูดน้อย เขาถามผมว่าการซื้อสโมสรเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ ตอนนั้นเขาไม่ได้ออกสื่อทุกวัน ผมบอกเขาในคืนนั้นว่าเขาจะกลายเป็นชื่อที่ใช้ในครัวเรือน และผมถ้ามเขาว่าต้องการแบบนั้นรึเปล่า เขาตอบว่าไม่ ผมเลยบอกไปว่า 'อย่าซื้อสโมสรฟุตบอลเลย!'"
"แต่เขาไม่ใช่นักธุรกิจมหาเศรษฐีที่คิดว่าสามารถสร้างฟุตบอลได้, ท็อดด์ โบห์ลี่, ฟาฮัด โมชิรี่, เอลลิส ชอร์ต, เมล มอร์ริส - ทุกคนล้วนฉลาดในสนามของตัวเอง แต่ฟุตบอลเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะ คุณยังสามารถใส่ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด อดีตซีอีโอของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไว้ในวงเล็บนั้นด้วย"
"ส่วนหนึ่งของความฉลาดของ เฟอร์กี้ คือเขาสามารถมอบหมายงานได้ยอดเยี่ยม เขาเลือกคนที่เหมาะสมที่จะอยู่รอบตัวเขา ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ เกลเซอร์ มีก็คือการจ่ายเงินปันผล และไม่สนใจความจริงที่ว่าพวกเขาไม่ได้มีสนามที่ดีที่สุดหรือสนามซ้อมที่ดีที่สุดในประเทศอีกต่อไป มันคือการให้คนที่ไม่เหมาะอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ"
"แร็ตคลิฟฟ์ เข้ามาดูแลการดำเนินงานด้านฟุตบอลถือเป็นข่าวดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เขาต้องหาคนที่ใช่ในงานที่เหมาะสม ซึ่งนั่นจะทำให้เขายุ่งมากในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ มากซะจนเขาอาจจะไม่มีเวลาเดินขึ้นบันไดอีกต่อไป"
