:::     :::

ถ้าไม่มีเซอร์บ็อบบี้ ก็ไม่มีเซอร์อเล็กซ์

วันพฤหัสบดีที่ 02 พฤศจิกายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
401
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ข้อความฉบับเต็มจากปากของเซอร์อเล็กซ์เอง ที่ได้พูดถึงและไว้อาลัยแด่เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน จากการจากไปครั้งนี้ ทั้งในจุดเริ่มต้นที่พวกเขาได้รู้จักกัน, ความสำคัญของเซอร์บ็อบบี้ที่มีต่อเซอร์อเล็กซ์ตอนที่เกือบถูกไล่ออก และการยกย่องตำนานตลอดกาลผู้นี้ที่สำคัญกับโลกทั้งใบ มากกว่าแค่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหรือทีมชาติอังกฤษ

ครั้งแรกที่ผมได้เห็นบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ก็คือตอนที่เขาลงเดบิวต์ให้ทีมชาติอังกฤษเจอกับทีมชาติสกอตแลนด์ที่ Hampden Park ในเดือนเมษายนปี 1958 ซึ่งก็คือสองเดือนหลังจากที่เกิดโศกนาฏกรรมที่มิวนิค

ผมอยู่ที่นั่นในฐานะแฟนบอลสกอตแลนด์ ยืนอยู่บนฝั่งมุมธง และผมจำได้เลยว่า Tom Finney เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย(อังกฤษ) ส่วน Alex Parker เป็นแบ็คที่เก่งมากๆ(สกอตแลนด์)

มีจังหวะนึง Finney เอาชนะ Parker ไปได้ พาบอลออกริมเส้นแล้วคัทแบ็คเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับ Bobby ยิงตุงตาข่ายเข้าไปจากระยะ 16 หลา ในยุคนั้นเวลายิงได้นักเตะจะไม่ได้กระโดดขี่คอกันเหมือนยุคนี้ จังหวะที่บ็อบบี้กำลังวิ่งกลับไปเส้นกลางสนามเพื่อนร่วมทีมก็จะเข้ามารุมตีหลังเขาเพื่อแสดงความยินดีที่ทำประตูได้ ซึ่งลูกนั้นแม้แต่ผู้รักษาประตูของสกอตแลนด์เอง ก็วิ่งขึ้นมาจากหน้าประตูในระยะ 40 หลาเพื่อแสดงความยินดีกับเขาด้วย ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันเป็นลูกยิงที่ดีเยี่ยม แต่เป็นเพราะว่าบ็อบบี้ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาก่อนหน้านี้อย่างที่ผู้คนรู้กัน

ทุกๆคนในสนามวันนั้นได้เห็นเวทมนตร์ของเขา รวมถึงความแข็งแกร่งด้วย

ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเราเริ่มต้นก็ต้องสามทศวรรษหลังจากนั้น ตอนที่ผมเป็นผู้จัดการทีมของ Aberdeen ส่วนบ็อบบี้เป็นผู้อำนวยการของ Manchester United ซึ่งขณะนั้นพวกเขากำลังหาผู้จัดการทีมคนใหม่

ผู้อำนวยการรายนี้เดินทางมาพบกับผมที่กลาสโกว์ และถามถึงวิสัยทัศน์ของผมในการรับงานนี้ ผมตอบไปว่าผมจะทำเหมือนที่ทำกับอเบอร์ดีน นั่นก็คือการพยายามพัฒนาไปทั้งสโมสร ไม่ใช่แค่ทีม และนั่นหมายถึงว่าผมจะพัฒนานักเตะอายุน้อยด้วย

หลังจากที่อธิบายเรื่องนี้ผมก็เห็นบ็อบบี้สะกิดผู้อำนวยการอีกคน แล้วเขาก็บอกว่า "นั่นคือสิ่งที่เราต้องการเลย" เขาคงจะตัดสินใจในจุดนั้น แล้วจากนั้นมาเขาก็คือหลักประกันแห่งความแข็งแกร่งสำหรับผม

มันมีช่วงเวลาเลวร้ายในปี 1989 ตอนที่เรากำลังลำบากมากๆ มีข่าวลือเยอะแยะเกี่ยวกับอนาคตของผม แต่บ็อบบี้นั้นไม่ยอมให้สโมสรมีความคิดจะปลดผมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขาคงมองเห็นแล้วว่างานที่ผมกำลังดำเนินอยู่มันเป็นรากฐานของความสำเร็จ

บางทีเขาก็จะมากับผมเพื่อดูเกมชุดเยาวชนด้วย แม้แต่กระทั่งการทดสอบฝีเท้าก็ตาม ครั้งนึงผมชวนเขาว่าเขาต้องมาดูเด็กคนนึงที่ชื่อว่า ไรอัน วิลสัน ให้ได้

ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็น กิ๊กส์

เรายืนห่างออกมา 50 หลาจากสนามที่เขากำลังทดสอบฝีเท้าอยู่ แล้วบ็อบบี้ก็พูดขึ้นมาทันทีว่า "ฉันเห็นเขาแล้ว!" เขาพึงพอใจมากที่ได้เห็นนักเตะอายุน้อยๆรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมา เหมือนที่ตัวเขาเคยเป็น และการที่เขาอยู่กับสโมสรมันก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจอีกด้วย

ผู้คนมากมายคิดว่าบ็อบบี้เป็นคนซีเรียส แต่เมื่อคุณได้ทำความรู้จักเขาแล้ว เขาเป็นคนที่อบอุ่นและใจดีมากๆ ผมจะเดินทางไปกับเขาบ่อยๆเพื่อชมเกมด้วยกัน และคุยกันเรื่องฟุตบอลตลอดทั้งทริป

ผมเคยเถียงกันว่าทีมชาติสกอตแลนด์ชุดที่ดีที่สุดตลอดกาล อาจจะชนะทีมชาติอังกฤษชุดที่ดีที่สุดตลอดกาลได้ เขาขำหัวโยกเลยแล้วบอกว่าผมบ้า ผมก็จะแซวเขาเรื่องที่ยิงจุดโทษพลาดตอนอังกฤษเจอสกอตแลนด์เมื่อปี 1960 แต่เอาจริงๆเขามีสถิติที่ดีในการเจอสกอตแลนด์มากๆ เพราะงั้นเขาจะเอาคืนผมได้เสมอ

มันคือความเป็นมิตรแท้ที่ผมอยากรักษาเอาไว้ให้ดี

หนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของผมก็คือเกมการกุศลที่จัดโดย หลุยส์ ฟิโก้ ที่ประเทศโปรตุเกส ผมได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้จัดการทีมของฟิโก้ และผมเอาบ็อบบี้ไปเป็นนักเตะด้วยตอนที่เขาอายุ 67

มีนักแข่งอย่างมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ลงเล่นด้วย และมีข้อตกลงกันว่าเขาจะต้องอยู่ในสนามตลอด 90 นาที ผมเปลี่ยนตัวไปทั้งหมด 7 คนในช่วงครึ่งแรก และอีกหนึ่งครั้งในต้นครึ่งหลัง เหลือแต่บ็อบบี้คนเดียวที่เป็นตัวสำรองซึ่งยังไม่ได้ลงสนาม

เขามาบอกข้างหูผมให้ส่งเขาลงสนาม แต่นักเตะอีกคนนึงที่เหลืออยู่นอกจากชูมัคเกอร์ที่ผมจะถอดออกมาเปลี่ยนได้ก็คือฟิโก้เท่านั้น แล้วในเกมที่เขาเป็นคนจัดเนี่ยนะ! ในที่สุดผมก็ยอม ขึ้นเบอร์ฟิโก้บนกระดานเปลี่ยนตัว มีเสียงอื้ออึงจากแฟนบอล และฟิโก้ก็ออกมา มองมาที่ผม แต่พอบ็อบบี้ลงสนามไป เขาเล่นได้อย่างน่ามหัศจรรย์มากๆ ฟิโก้หันมาทางผมจากม้านั่งสำรองแล้วพูดว่า "เป็นไปไม่ได้ที่เขาอายุ 67 นี่เล่นยังกะคนอายุ 27 ชัดๆ"

ตลอดขากลับบ้านสู่แมนเชสเตอร์ บ็อบบี้บ่นกับผมว่าได้ลงสนามน้อยเกินไป! นั่นคือสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของเขาที่มีต่อฟุตบอลจริงๆ 

ไม่น่าแปลกใจสำหรับผมเลยที่เราจะเห็นการยกย่องเซอร์บ็อบบี้จากทั่วทุกมุมโลก ทุกๆช่องทีวี หนังสือพิมพ์ เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้คนรักเขาเพราะการยิงประตูสุดมันส์นั่นก็ใช่ แต่ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น พ่อของผมเคยพูดว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนในความสำเร็จ คือสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง และบ็อบบี้คือสิ่งนั้น

เขาไม่เคยโอ้อวดเรื่องความสำเร็จของตัวเองเลย เขามักจะให้ความสำคัญกับทีมและสโมสรเป็นหลักอยู่เสมอ

ผมขอแสดงความเสียใจกับ Lady Norma ที่อยู่เคียงข้างบ็อบบี้เสมอมา ผมส่งกำลังใจมาให้พวกเขาทั้งครอบครัวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา น่าเสียดายว่าผมก็ต้องพบกับความสูญเสียภรรยาที่รักของผมอย่างเคธี่ไปเมื่อเดือนนี้เหมือนกัน ผมอยากจะขอบคุณสโมสร ขอบคุณแฟนบอล และทุกๆคนที่ส่งกำลังใจมาให้

ปลอกแขนสีดำถูกใส่ในเกมที่เจอกับเบรนท์ฟอร์ด ธงถูกลดลงมาครึ่งหนึ่งที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อไว้อาลัย เคธี่สนับสนุนผมในทุกๆก้าวตลอดเส้นทางอาชีพ และเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของครอบครัวเรา ซึ่งในเวลาที่น่าเศร้าเช่นนี้มันมีความรู้สึกที่สบายใจขึ้นเมื่อได้อยู่ท่ามกลางชุมชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และผมก็สัมผัสได้ถึงสปิริตที่เกิดขึ้น

เราจะไว้อาลัยให้กับการสูญเสียบ็อบบี้ต่อไป แต่ก็ต้องมองต่อไปข้างหน้าด้วย เรามาแสดงการเฉลิมฉลองยกย่องความทรงจำที่สวยงามมากมายซึ่งเขาได้มอบไว้ให้กับเรา และรวมถึงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นตัวอย่างซึ่งเขาได้ทำเอาไว้ในที่แห่งนี้

-เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/read-sir-alex-ferguson-tribute-to-sir-bobby-charlton-in-full

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด