:::     :::

รีวิวรอบแบ่งกลุ่มชปล. ของปืนใหญ่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป้าหมายเบื้องต้นของ อาร์เซน่อล ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกรอบ 7 ปีคือการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ให้ได้ ซึ่ง มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมทำได้สำเร็จ

อาร์เซน่อล ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023/24 โดยอัตโนมัติหลังจากได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ก่อนถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (เนเธอร์แลนด์), ล็องส์ (ฝรั่งเศส) และ เซบีย่า (สเปน)

เป็นผลการจับสลากที่ดีมากสำหรับ อาร์เซน่อล เพราะสามารถเลี่ยงทีมแชมป์ลีกอีก 4 ลีกใหญ่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า, นาโปลี, บาเยิร์น มิวนิค และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 

ทีมปืนใหญ่จึงถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์กลุ่มตามมุมมองของร้านพูลถูกกฎหมาย แม้เป็นทีมจากโถสอง ส่วนทีมวางโถแรกในกลุ่มคือ เซบีย่า ในฐานะแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาลที่แล้ว

อาร์เซน่อล ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2016/17 ที่เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่ายยับต่อ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยผลรวมสองนัด 2-10 จากนั้นก็ห่างหายจากรายนี้จนกระทั่งกลับมาได้ในฤดูกาลนี้

นัดแรกในการคัมแบ็กสู่เวทีใหญ่สุดยุโรป อาร์เซน่อล ได้ลงเล่นในบ้านพบ พีเอสวี ที่คุ้นเคยกันพอสมควรเพราะอยู่กลุ่มเดียวกันของรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก ฤดูกาลที่แล้วซึ่งในตอนนั้นบ้านใครบ้านมัน อาร์เซน่อล ชนะ 1-0 ที่อังกฤษ แต่ พีเอสวี ก็เปิดรังเอาคืน 2-0 ที่่เนเธอร์แลนด์

ส่วนครั้งนี้ อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด 4-0 ด้วยฟอร์มการเล่นเหนือกว่าทุกรูปแบบ บูคาโย่ ซาก้า ซัดเปิดหัวตั้งแต่นาทีที่ 8 ซึ่งเป็นประตูแรกของทีมปืนใหญ่ในแชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่ ธีโอ วัลค็อตต์ ยิงเสือใต้ในวันที่ 7 มีนาคม 2017


11 ตัวจริงนัดแรกในการคัมแบ็กแชมเปี้ยนส์ ลีก

จากนั้น เลอันโดร ทรอสซาร์ และ กาเบรียล เชซุส บวกเพิ่มให้ทีมนำห่างสามประตูจนแทบจะเรียกว่าปิดเกมตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลัง มาร์ติน โอเดการ์ด ยิงฝังเป็น 4-0 กลายเป็นชัยชนะอันสวยงามสมบูรณ์แบบสำหรับแฟนบอลที่รอคอยบรรยากาศแห่งค่ำคืนยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มานานหลายปี

อาร์เซน่อล เดินหน้าต่อนัดสองไปเยือน ล็องส์ ทีมรองแชมป์ฝรั่งเศสซึ่งในอดีตมีความหลังเกี่ยวโยงกันโดยตรงเพราะเป็นคู่แข่งทีมแรกในครั้งแรกที่ อาร์เซน่อล ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1998 หรือ 25 ปีที่แล้ว 

แม้ผลงานของ ล็องส์ ฤดูกาลนี้ไม่จัดจ้านเท่าฤดูกาลก่อนที่พลาดแชมป์ลีก เอิง เพราะเป็นรอง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยุคซูเปอร์สตาร์ดัง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เพียงคะแนนเดียว แต่พวกเขาก็เค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ทันเวลาในการเจอกับ อาร์เซน่อล

กาเบรียล เชซุส ยิงให้ อาร์เซน่อล นำก่อนตั้งแต่ 15 นาทีแรก แต่ด้วยความไม่ละเอียดในเกมรับก็เปิดช่องให้ ล็องส์ ฉวยโอกาสโจมตีก่อนทวงคืนได้จาก อาเดรียง โตมาสซง และแซงชนะครึ่งหลังจาก เอลี่ วาอี หัวหอกดาวรุ่งตัวเก่ง 

อาร์เซน่อล จึงแพ้เป็นนัดแรกจากทุกรายการในฤดูกาลนี้ พร้อมกับเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ ล็องส์ ที่มี 4 คะแนนหลังจากนัดแรกบุกเสมอ เซบีย่า มาได้ ส่วน เซบีย่า กับ พีเอสวี มี 2 คะแนน และ 1 คะแนนตามลำดับ

มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมเจอบททดสอบสำคัญในนัดสามที่ต้องไปเยือนรังราม่อน ซานเชซ ปิซฆวนของ เซบีย่า เพราะมีสถิติไม่ดีนักในการเล่นที่สเปนในถ้วยยุโรปจากการเคยแพ้ถึง 11 นัด และชนะได้เพียง 3 นัดจากทั้งหมด 17 นัด แถมเกมลีกล่าสุดกับ เชลซี ก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานจนต้องมาฮึดช่วงท้ายตามตีเสมอ 2-2 


บูคาโย่ ซาก้า มีส่วนร่วมได้ประตูมากสุดในรอบแบ่งกลุ่ม

ปืนใหญ่เล่นได้ดีกว่าเกมกับสิงห์บลูส์ชัดเจนในการดวลกับเจ้าพ่อยูโรปา เกมรุกฝั่งซ้ายของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คุกคามแนวรับเจ้าถิ่นได้ตลอดก่อนเป็นคนซัดประตูออกนำก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่อึดใจซึ่งต้องชม กาเบรียล เชซุส ด้วยที่โชว์สเต็ปหนีตัวประกบก่อนจ่ายอย่างสุดยอดให้รุ่นน้องหลุดเดี่ยวไปยิง

เชซุส มาซัดเองได้บ้างในต้นครึ่งหลังที่ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนโยกแล้วปั่นเสียบเสาไกลสวยงาม แม้ เนมานย่า กูเดลจ์ จะโหม่งลูกเตะมุมให้ เซบีย่า มีความหวัง แต่ อาร์เซน่อล ก็ปิดเกมได้ดีเอาชนะไปได้ 3-1 เก็บ 3 คะแนนสุดสำคัญกลับออกมาได้

สถานการณ์กลับมาเข้าทาง อาร์เซน่อล อีกครั้งหลังทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืนได้ด้วยการมี 6 คะแนนเพราะ ล็องส์ ได้เพียงเสมอ พีเอสวี 

ก่อนลงเล่นในโปรแกรมสัปดาห์ที่ 4 ทีมของ อาร์เตต้า เจอความกดดันพอสมควรเพราะเพิ่งปราชัยสองนัดติดต่อ เวสต์แฮม 1-3 จนตกรอบลีก คัพ และแพ้ในพรีเมียร์ลีกนัดแรกต่อ นิวคาสเซิ่ล 0-1 ในเกมที่หลายคนต่างหัวเสียกับการตัดสินของกรรมการ และเจ็บตัวถ้วนหน้าจากแท็กติกถูกลูกถึงคนของทัพสาลิกา

ทุกคนเข้าใจโดยไม่ต้องบอกซ้ำว่าจะแพ้เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันไม่ได้ และโปรแกรมนัดที่ 4 ของรอบแบ่งกลุ่มก็ถือว่าสำคัญยิ่งเพราะชี้เป็นชี้ตายโอกาสเข้ารอบได้อย่างมาก

อาร์เซน่อล สร้างโอกาสได้เยอะมาก แต่ไม่เด็ดขาดเท่าที่ควรในจังหวะสุดท้ายทำให้นำเพียงประตูเดียวจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่จังหวะประสานงานกันสุดยอดทีเดียว จอร์จินโญ่ แทงทะลุช่องให้ บูคาโญ่ ซาก้า ตบเข้ากลางตามตำรา ทรอสซาร์ ก็แค่วิ่งเข้าชาร์จให้บอลตุงตาข่าย

นัดนี้ อาร์เตต้า ไม่มีทั้ง กาเบรียล เชซุส และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่บาดเจ็บ จึงต้องให้ ทรอสซาร์ เล่นหน้าแก้ขัดซึ่งดาวเตะทีมชาติเบลเยียมก็สารพัดประโยชน์อยู่แล้วและทำได้ดีในนัดนี้


กาเบรียล เชซุส ยิงไป 4 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม

บูคาโย่ ซาก้า มาบวกประตู 2-0 ในครึ่งหลังและจบเกมด้วยสกอร์นี้ที่แม้ไม่ใช่ชัยชนะที่ขาดลอยมากนัก แต่ก็เป็นเกมที่ อาร์เซน่อล คอนโทรลทุกอย่างได้เกือบทั้งหมด และเปิดโอกาสให้ เซบีย่า ได้ลุ้นยิงเพียงครั้งเดียวตลอดทั้งเกมและเกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง

การตบ เซบีย่า ได้ทั้งเหย้าและเยือนเพิ่มโอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ของ อาร์เซน่อล สูงลิบทีเดียวเพราะต้องการอีกเพียงคะแนนเดียวก็จะลอยลำ และหากชนะได้ก็การันตีแชมป์กลุ่มด้วย

อาร์เซน่อล ปิดจ๊อบได้ตามต้องการในโปรแกรมนัด 5 ที่เปิดรังเอติเรตส์ สเตเดี้ยม ถล่ม ล็องส์ เละเทะ 6-0 จากการเรียงหน้ายิงซ้ำไล่ตั้งแต่ ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เชซุส, บูคาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, มาร์ติน โอเดการ์ด และปิดท้ายจาก จอร์จินโญ่ ที่ยิงประตูแรกในสีเสื้อปืนใหญ่

เป็นการเช็กบิลล้างแค้น ล็องส์ ได้ทบต้นทบดอก และเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม อีกทั้งยืดสถิติอันยอดเยี่ยมในบ้านชนะตลอด 3 นัด ยิงได้รวม 12 ประตู และไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

ขณะที่นัดสุดท้ายไปเยือน พีเอสวี เป็นการลงเล่นให้ครบตามโปรแกรมเท่านั้นเพราะทีมดังของเนเธอร์แลนด์ก็เข้ารอบไปแล้วเช่นกันในฐานะรองแชมป์กลุ่ม 


แรมส์เดล เป็นหนึ่งในหลายคนที่ได้สัมผัสแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก

มิเกล อาร์เตต้า จึงเปลี่ยนทีมมากกว่าทุกนัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ผู้เล่นอย่าง อารอน แรมส์เดล ได้ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในชีวิต นอกจากนี้ก็มี ยาคุบ คีวิออร์, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, จอร์จินโญ่, เลอันโดร ทรอสซาร์, รีสส์ เนลสัน, เซดริก โซอาเรส และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ออกสตาร์ทถ้วนหน้า

พีเอสวี เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งเช่นกันก่อนเสมอกันไป 1-1 โดย เอ็นเคเทียห์ ยิงให้ปืนใหญ่นำก่อนครึ่งแรก ขณะที่พีเอสวีตามตีเสมอครึ่งหลังจาก ยอร์บ แฟร์เทสเซ่น 

แม้ไม่ได้ชนะรวด 6 นัดเหมือน "แชมป์เก่า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่การเข้ารอบในฐานะอันดับหนึ่งก่อนจบรอบแบ่งกลุ่มก็เป็นผลงานที่สุดยอดแล้วเพราะอย่าลืมว่า อาร์เซน่อล ห่างหายจากการเล่นรายการนี้ไปนานหลายปี และนักเตะค่อนทีมไม่เคยลงเล่นแชมเปี้่ยนส์ ลีก มาก่อน 

นอกจากเข้ารอบได้แล้ว ภาพรวมตลอด 6 นัดถือว่าน่าประทับใจมากไล่ตั้งแต่การเป็นทีมที่มีประตู "ได้-เสีย" ดีสุดในรอบแบ่งกลุ่มที่ "+ 12" จากการยิงได้ 16 ประตู และเสีย 4 ประตู

เกมรุกที่ยิงได้ 16 ประตู ก็เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ (18 ประตู) และ แอตเลติโก มาดริด (17 ประตู) เพียงสองทีมเท่านั้น ส่วนเกมรับมีเพียง เรอัล โซเซียดาด (2 ประตู) ที่น้อยแน่นยิ่งกว่า

บูคาโย่ ซาก้า เปิดตัวครั้งแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ยอดเยี่ยมยิงไป 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ กลายเป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมได้ประตูมากสุดในรอบแบ่งกลุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นคนแรกที่ทั้งยิงประตูและแอสซิสต์เกมในบ้านได้ตลอด 3 นัด 


ผลงานในบ้านสมบูรณ์แบบ

ขณะที่ดาวซัลโวของทีมคือ กาเบรียล เชซุส ที่ซัดไป 4 ประตู และเป็นรองเพียง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, อัลบาโร่ โมราต้า, อองตวน กรีซมันน์ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ยิง 5 ประตูเท่ากนัน

ส่วนผลงานในบ้านที่ชนะรวด 3 นัด ยิงรวม 12 ประตู และไม่เสียประตูเลยก็เป็นสิ่งที่แฟนบอลคงไม่สามารถเรียกร้องให้ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เป็นช่วงเวลาที่มอบความสุขให้กับแฟนบอลอย่างเต็มที่สุดๆ 

โฟกัสต่อไปคือลุ้นผลจับสลากรอบ 16 ทีมสุดท้ายในวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมซึ่งจะเจอทีมใดทีมหนึ่งจาก 7 ทีมนี้คือ นาโปลี, อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ จาก อิตาลี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จากฝรั่งเศส, แอร์เบ ไลป์ซิก จากเยอรมนี, ปอร์โต้ จากโปรตุเกส และ โคเปนเฮเก้น จากเดนมาร์ก 

รอลุ้นไปด้วยกันว่าคู่แข่งต่อไปจะเป็นใคร และนับวันรอการลงสนามอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด