:::     :::

Tactical Analysis "ขงเบ้งจัดค่าย" กลศึกน้าแอนจ์เยือนผี

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
950
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
Tactical Analysis แบบละเอียด รู้เขารู้เราสำหรับความยอดเยี่ยมในการทำทีมฟุตบอลเชิงรุกจ๋าๆอย่างสุดตัวของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู จะเป็นฟุตบอลที่ดุเดือดและมาเปิดเกมใส่แมนยูไนเต็ดที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแน่ๆ มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้างในมุมมองฝั่งสเปอร์ส แฟนผีอ่านแล้วจะเข้าใจคู่ต่อสู้นี้มากขึ้นแน่นอน และนั่นจะทำให้รู้ว่า เราจะหาทางชนะเขาได้ยังไงบ้าง

เกมสำคัญในคู่ดึกวันอาทิตย์นี้ คือเกมที่ต้องดวลกันในยกสองที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ หลังจากที่นัดแรกที่สนามท็อตแน่มฮอทสเปอร์สเตเดี้ยม เจ้าบ้านไก่เดือยทองเอาชนะปีศาจแดงไป 2-0 จากลูกยิงของ ป๊าป ซาร์ ในท้ายครึ่งแรก และปิดกล่องจากลูกยิงที่เบน เดวิส ยิงตามน้ำแต่โดนไม่เต็ม ทำให้ลิซานโดร มาร์ติเนซ เสียจังหวะสกัดเข้าประตูตัวเองไป 

สถิติในเกมนัดแรก แสดงให้เห็นชัดเจนว่าที่พูดกันว่าแมนยูเล่นดีกว่านั้น "มันดีกว่าจริงๆ" ด้วยประสิทธิภาพการเล่นดังในรูปข้างล่างนี้จะเห็นชัด ทั้ง xG ที่สร้างได้เหนือกว่า ปริมาณการโจมตีที่มากกว่า ดูจากตำแหน่งของโอกาสยิงในกรอบเขตโทษ ราว80%ก็เป็นจุดที่อยู่ในกรอบเขตโทษแทบจะทั้งหมดเลย แม้กระทั่งการยิงเข้ากรอบก็เช่นกัน โอกาสที่เป็นโอกาสสำคัญ(high xG)ก็มี

แต่ว่าทุกอย่างจะไปไม่สุดหากทำสกอร์ไม่ได้

เป็นเกมที่แมนยูไนเต็ดเล่นได้ดีจริงๆ น่าเสียดายว่าโอกาสในครึ่งแรกกดสเปอร์สได้เต็มที่แต่ยังฝังประตูไม่ได้ และมีปัญหาลูกแฮนด์บอลในช่วงนาที27 ที่การ์นาโช่ยิงไปติดโรเมโร่ซึ่งกางแขนออกมาเปลี่ยนทางบอลเต็มๆแต่ไม่มีการเช็คใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งท้ายครึ่งเป็นประตูของเจ้าถิ่น ทำให้รูปเกมเปลี่ยนไปทันที

ถ้ามองในมุมของแมนยูไนเต็ด นี่เป็นเกมที่จะต้องถอนทุนคืนให้ได้จากนัดแรกซึ่งมีโอกาสที่จะเก็บผลการแข่งขันได้ดีกว่านี้ แต่มันก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะเล่นดีจริงแต่ก็ไปไม่สุด มันก็อ้างไม่ได้ นัดนี้จึงถือเป็น "โอกาสแก้ตัวและพิสูจน์ตัวเอง" ว่านัดแรกที่เห็นนั้นของจริง เราแค่ต้องทำ performance แบบนั้นให้ได้อีกครั้ง และต้องเก็บผลให้ได้ในครั้งนี้นั่นเอง 

สำหรับยูไนเต็ด การทำให้เกิดผลสำเร็จให้ได้ในเกมนี้เท่านั้น ถึงจะเพียงพอสำหรับการปลดล็อคความคาใจเมื่อ4เดือนที่แล้วในช่วงต้นฤดูกาลได้

แต่สเปอร์ส จะยอมให้ทำแบบนั้นได้ง่ายๆหรือเปล่า? ไม่ง่ายแน่ เมื่อมีผู้ชายที่ชื่อ Ange Postecoglou คุมบังเหียนอยู่ในตอนนี้ และพวกเขาก็บินสูงอยู่ในอันดับที่ 5 ของลีก โดยคะแนนตามท็อปโฟร์แค่แต้มเดียวเท่านั้น

สเปอร์สในปีนี้ คือหนึ่งในทีมนำในลีก ที่น่าติดตามมากทั้งระบบการเล่น แผน และเพอร์ฟอร์มในสนาม ซึ่ง "น้าแอนจ์" ปอสเตโคกลู เป็นโค้ชคนโปรดของผมอีกคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีกที่ชื่นชอบวิธีคิด และวิถีการเล่นของแกมากๆ เดินหน้าลุยจริงๆ

ในการเจอกับแมนยูไนเต็ดสัปดาห์นี้ ท็อตแน่มจะขาดนักเตะตัวสำคัญๆไปหลายคนอยู่พอสมควรเลย อัพเดทมาให้ได้รับทราบข้อมูลก่อนเกมกันดังนี้

- ซน ฮึง-มิน / ป๊าป ซาร์ และ อีฟส์ บิสซูม่า จะไม่ได้ลงสนามเพราะติดภารกิจทีมชาติ ทั้งเอเชียนคัพของตี๋ และ อาฟคอนของ ซาร์และบิสซูม่า

- เบน เดวีส กับ จิโอวานนี่ โลเซลโซ่ จะไม่ได้ลงสนามเพราะเพิ่งบาดเจ็บมาจากเกมล่าสุดที่ชนะเบิร์นลีย์มาในเกมเอฟเอคัพ

- คริสเตียน โรเมโร่ กลับมาซ้อมได้แล้ว แต่น้าแอนจ์ยังไม่ยืนยัน และคาดว่าน่าจะยังฟิตไม่ทันลงสนามเช่นกัน

5-6 คนนี้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู น่าจะไม่สามารถใช้ลงเล่นในเกมเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ดได้ เมื่อไปรวมกับพวกที่เจ็บไปแล้วเช่นกันอีกเซ็ตหนึ่งอย่าง James Maddison, Dane Scarlett, Manor Solomon, Ivan Perisic และ Alejo Veliz ทำให้ตัวที่เหลือคาดเดาได้ไม่ยากว่าแอนจ์เหลือใครเป็นอาวุธในมือบ้าง

ส่วนนักเตะที่พวกเขาได้กลับมา คือ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ที่มีชื่อกลับมาสำรองตั้งแต่เกมก่อนแล้ว นัดนี้คงได้ลงสนามมาแน่นอน ส่วนสองนักเตะใหม่ มีโอกาสสูงมากที่ ติโม แวร์เนอร์ จะได้ลงเดบิวต์เกมแรกให้คลับไก่ในนัดเจอแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเกมนี้ 

ส่วนกองหลังคนใหม่อย่าง "ราดู ดรากูซิน" น้าแอนจ์ยืนยันว่าราดูจะมีชื่อในทีม หากว่าเอกสารต่างๆเสร็จสมบูรณ์ทันเวลา ซึ่งล่าสุดตอนนี้ ดรากูซินผ่านเวิร์คเพอร์มิตจากรัฐบาลอังกฤษแล้วเรียบร้อย ซึ่งเซ็นเตอร์แบ็คทีมผีดูดเลือดวัย21ปีรายนี้มีสิทธิ์จะได้ประเดิมสนามเหมือนกันเพราะเซ็นเตอร์ไก่ก็หายไปหลายตัว อาจจะได้ลงคู่กับฟานเดอเฟนนัดนี้เลยก็ได้

เพราะถ้าเลือกได้ แอนจ์น่าจะอยากได้เซ็นเตอร์ธรรมชาติยืนกลาง มากกว่าใช้ Emerson Royal ยืนเซ็นเตอร์เหมือนเกมเอฟเอคัพที่ผ่านมาซึ่งชนะเบิร์นลีย์มาได้ 1-0 

11 ตัวจริงเท่าที่แอนจ์ ปอสเตโคกลู จะสามารถจัดทีมออกมาให้แข็งแกร่งที่สุดได้ น่าจะมีประมาณนี้

Vicario; Porro, [Emerson/Radu Drăgușin], Van de Ven, Udogie; Skipp, Bentancur; Johnson, Kulusevski, [Werner/Højbjerg]; Richarlison

ส่วนแผนการเล่นที่ใช้นั้น มีอยู่สองรูปแบบด้วยจุดมุ่งหมายของแผนการเล่นที่แตกต่างกัน มีข้อดีข้อเสียต่างกันทั้งสองอย่าง นั่นก็คือ 4-2-3-1 และ 4-3-3 ซึ่งแอนจ์ ปอสเตโคกลู สลับแผนกันใช้อย่างลงตัวสำหรับสเปอร์สชุดนี้

1. เปิดเกมรุกแลกเปิดหน้าเต็มสูบด้วย 4-2-3-1

แผนแรกนี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจจะเปิดตัว ติโม แวร์เนอร์ ในเกมนี้เลยหากว่าแอนจ์ จะเล่น 4-2-3-1 เหมือนเดิม ซึ่งถือว่าเป็นแผนหลักของเขาในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะคู่กลาง บิสซูม่า + ซาร์ ถือว่าเข้าขาและแข็งโป๊กมากๆ หากในกรณีที่เขามองว่าเจอแมนยูจะต้องเปิดเกมรุกใส่ไปเลย แวร์เนอร์ก็น่าจะได้ลงมาเป็นกองหน้าตัวกลางทันที ทำให้ทีมสามารถถอย ริชาร์ลิซอน ไปเล่นตัวรุกแถวสองได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวกลางหรือปีกซ้ายก็ตาม

ข้อดีของแผนนี้คือ เกมรุกจะอันตรายแน่นอน เพราะตัวบนมีคนทำเกมเชื่อมเกมกันเยอะมาก บอลที่เข้าทำด้วยความเร็วและ "แน่นอน" จะเกิดขึ้นในแนวรุก ซึ่งถ้าสเปอร์สครองบอล และคุมเกมได้ด้วยแล้ว แผนนี้น่ากลัวมากด้วยปริมาณตัวรุกธรรมชาติถึงสี่คนในแดนหน้า 

กองกลางคู่หลักตอนนี้คือ สกิปป์ กับ เบนทานกูร์ น่าจะได้ลงแพ็คในระบบ double pivot อย่างที่เห็น โดยมีแผงหลังคอยซัพพอร์ทบอลอยู่ ถ้าพวกเขาเก็บบอลได้ ครองบอลได้ แผนนี้น่ากลัวสุดๆในภาคเกมรุก ซึ่งถ้าแมนยูไนเต็ดลงเล่นในเกมคืนนี้ด้วยการใช้แผงกองกลางเป็น [ไมนู+เอริคเซ่น-บรูโน่] ก็มีโอกาสที่จะโดนเล่นงานจากพื้นที่แถวสองได้ทุกระยะได้เหมือนกัน

อีกตัวอย่างหนึ่งในการเล่น double pivot คู่กลางของสเปอร์สยุคน้าแอนจ์ จากตัวอย่างภาพข้างล่างนี้พวกเขาสามารถแก้เพรสและทะลวงขึ้นจากตรงกลางได้ด้วย โดยจังหวะนี้ สกิปป์+ฮอยเบียร์ก สามารถที่จะเล่นเซ็ตเกมร่วมกัน และเจาะเกมขึ้นมาตรงกลางด้วยการขยับมาแกะเพรสของซิตี้ได้สำเร็จ เริ่มที่บอลตั้งขึ้นมาจากแผงหลัง > แดนกลางแกะแนวเพรสคู่แข่งได้ > จนทำให้บอลถูกส่งต่อขึ้นไปถึง ซน ฮึง-มิน ได้ในที่สุด

โดยมี เปโดร ปอร์โร่ Inverted หุบเข้ากลางมาเพื่อเพิ่มทางเลือกอีกหนึ่งคนตามรูปนี้ ทำให้กลางของสเปอร์ส จะมี Extra Player เกินมาตัวหนึ่งเสมอเพื่อทำให้ทุกอย่างมันแน่นขึ้น แม้จะเล่น double pivot พวกเขาจะแก้เพรสได้ และมีแบ็คหุบเข้ามาช่วยเพิ่มอีกตัว เวลาคู่แข่งจะเพรสก็ต้องระวังๆให้ดี ซิตี้ก็พลาดมาแล้ว

แผน 4-2-3-1 นี่น่าจะทำให้เกมรุกสเปอร์ส น่ากลัวมากๆ เพราะความหลากหลายในการเล่นสูง แต่ข้อเสียก็ต้องแลกมาด้วยเกมรับที่ลดลง เนื่องจากใช้ปริมาณตัวรุกเยอะ เกมรับจึงต้องพึ่งพาคู่มิดฟิลด์สองตัวและแผงหลังอีกสี่คนเป็นหลัก อาจจะโดนแมนยูไนเต็ดเจาะได้เหมือนกันถ้าเกมป้องกันไม่เหนียวพอ ซึ่งในเกมแรกก็เผยจุดอ่อนนี้มาให้เห็นเหมือนกันว่ามียวบให้เห็น

เป็นสิ่งที่แอนจ์ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีๆ หากจะเล่นแผนกลางคู่ 4-2-3-1 ในเกมเยือนแบบนี้ เพราะล่าสุดแผนนี้ก็แตกมาแล้วจากการบุกไปแพ้ไบรท์ตัน 4-2 ต้องพิจารณาและวางเกมแพลนให้ดี

2. แพ็คกลางแน่นๆให้เกมเสถียรและแข็งแกร่งด้วย 4-3-3

มีอีกแผนหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับการมาเยือนแมนยู ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าเราเป็นน้าแอนจ์ เราจะใช้แผนนี้ เพราะวิเคราะห์ด้วยการคิดแทนตัวเองเป็นคู่แข่ง เราจะแพ็คกลางให้เหนือกว่าก่อน ปริมาณตัวรุกใช้ฟร้อนท์ทรีแค่สามตัวก็พอแล้ว

หากแอนจ์จะไม่จัดในแบบ 4-2-3-1 เหมือนแผนแรก ก็คิดว่าเขาจะใช้ 4-3-3 ระบบกลางสามตัวมาเล่นกับแมนยูไนเต็ดในเกมนี้แน่ๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็น่าจะเป็น "ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบียร์ก" ที่จะลงมายืนแพ็คกลางสาม ร่วมกันกับสกิปป์/เบนทานกูร์ แล้วใช้ริชาร์ลิซอนยืนหน้าเป้าเหมือนเดิม ก็น่าจะเหมาะกับการแพ็คเกมตรงกลางให้แน่นๆ

ครองเกมให้เหนือกว่าแมนยูให้ได้ตามสไตล์ ดูน่าจะเมคเซนส์กว่า ในแผนนี้ ส่วนแวร์เนอร์ก็สำรองไปก่อนเกมแรก รอลงมาเป็นทีเด็ดตอนท้ายเกม

ผมว่าแผน 4-3-3 รูปแบบนี้ของสเปอร์ส มีโอกาสที่จะทำให้แมนยูไม่ได้สามแต้มสูงมาก สเปอร์สจะมีเกมในภาคการคอนโทรลที่ดีและเหนียวแน่นมากๆในเฟส1[ภาคการครองบอล] ขณะที่เฟส2[ภาคเกมรับ] พวกเขาจะบล็อคพื้นที่ได้ตั้งแต่ตรงกลางสนาม เพราะตัวผู้เล่นตรงกลางแน่นมากๆด้วยระบบกลางสามทำงานร่วมกัน

ด้วยแผนนี้ สเปอร์สจะสามารถเล่น mid-block, mid-pressing ใส่แมนยูไนเต็ดอย่างดุดัน ทำได้หมด 

ส่วนแนวบนแทบไม่ต้องห่วง ใช้ตัวรุกปริมาณไม่มากก็พอแล้ว แค่ฟร้อนท์ทรีสามตัวบนเป็นตัววิ่งเจาะฮาล์ฟสเปซ + ใช้มิดฟิลด์เบอร์8เติมเข้ากรอบตามวิธีคิดของแผน 4-3-3 (แบบเดียวกับที่เอริค เทน ฮาก อยากได้) แค่นั้นก็ดุมากๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณตัวรุกเปลืองเหมือนสูตรแรกที่เราเขียนเลย

ในแผนนี้แอนจ์สามารถใช้ ฮอยเบียร์ก เบนทานกูร์ เติมเข้ากรอบกันได้อย่างอิสระ ซึ่งนั่นน่ากลัวกว่าการเล่นตัวรุก 4 คนซะอีก 

ยังไงแฟนผีก็ภาวนาอย่าให้น้าแอนจ์จัดแผนกลางสามมาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าจัดมารับรองว่าอ้วกแตกแหงๆ ลุ้นกันเยี่ยวเล็ดแน่ เพราะกลางสเปอร์ส แม้ว่าจะขาด ซาร์ / บิสซูม่า / แมดดิสัน คนที่เหลือก็ยังสามารถที่จะเล่นเกมที่แข็งแกร่งและแน่นอนได้อยู่เหมือนเดิม

ส่วนเกมรุก แบ็คซ้ายวันนี้ต้องระวัง situation 1-1 กับปีกตัวครองบอลเลื้อยอย่าง "คูลูเซฟสกี้" ให้มาก ถ้าจะให้ดีคือต้องมีตัวซ้อนให้แน่นๆอีกสักคนข้างหลัง อย่าปล่อยให้แบ็คดวลคูลูบ่อยๆ เพราะตัวนี้สามารถครีเอทเกมรุกได้ค่อนข้างอันตราย ไม่ควรปล่อยให้ออกบอลง่ายๆ อันตรายมาก

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมเชื่อว่าเกมในคืนนี้บุกแลกกันเดือดแน่นอน ยี่ห้อแอนจ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ยังไงเขาก็เล่นเกมบุกอยู่แล้ว รูปเกมจะเปิดตั้งแต่ต้นเกม

ในภาคการรับชม แฟนฟุตบอลที่ดูเกมนี้น่าจะได้เห็นความตื่นเต้นเร้าใจตั้งแต่นาทีแรกไปจนจบ ไม่มีเกมเอื่อยหรือน่าเบื่อแน่นอน เพราะทันทีที่ฝ่ายหนึ่งได้ครองบอล จะเป็นการเปิดเกมรุกทันที วัดกันที่ความแม่นยำล้วนๆเกมนี้ ใครแม่นกว่าก็มีโอกาสทำสกอร์ได้ เพราะพื้นที่จะเปิดอยู่ตลอดเวลา

สังเกตในจุดที่ว่า แทคติกของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู นั้น ไม่เคยกลัวที่จะดันแผงหลังขึ้นสูงด้วยวิธีป้องกันที่ใช้ High Line Tactics ไม่ว่าเกมจะตามอยู่, ตัวผู้เล่นจะน้อยกว่า หรือเกมนำ สเปอร์ส จะยึดมั่นกับแนวทางของตัวเอง และบุกตะลุยจนถึงวินาทีสุดท้ายแน่ๆเหมือนอย่างในรูปนี้ ตัวผู้เล่นเหลือ 9 แล้วก็ยังกล้าดันเกมเล่นกันแบบนี้ แนวทางและความมุ่งมั่นเรื่อง "วิธีคิด" ของแอนจ์และสเปอร์ส ชุดนี้ ชัดเจนจริงๆ  

ซึ่งนั่นจะเป็น "โอกาส" สำหรับปีศาจแดงเหมือนกัน อย่างที่เรารู้ๆกันดี ยูไนเต็ดชุดนี้เวลาเจอ low block มักจะเจาะไม่เข้า แต่ถ้าเกมไหนที่คู่แข่งดันเกมแลก เปิดพื้นที่ มักจะทำให้ตัวรุกสายสปีดของเรามีโอกาสทำช็อตสวยๆได้เสมอ โดยเฉพาะบรูโน่ กับ การ์นาโช่ สองตัวรุกสำคัญที่มีประสิทธิภาพมากในเกมเร็ว จะชอบรูปเกมแบบนั้นเป็นพิเศษ

แอนจ์ดันแนวรับสูง แมนยูต้องใช้ความเร็วเล่นชิงจังหวะให้เกิดประโยชน์ เพื่อชิงเข้าไปเล่นในสเปซด้านหลังที่จะเปิดขึ้นมาในเกมนี้

เพราะงั้นเราก็ต้องไปดูภาคการเล่นของทีมเราด้วยว่าวันนั้น Game Plan ที่เอริค เทน ฮาก เตรียมมาจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ การใช้ตัวรุกที่เล่น "เกมเร็วในพื้นที่เปิด" ถือว่าสำคัญมากๆ ดังนั้น 4 ตัวบนที่มีสปีดการเล่นเร็วมากๆ ทั้งในด้านไดนามิค และการออกบอลเร็ว เพราะงั้น แรชฟอร์ด-บรูโน่-การ์นาโช่-ฮอยลุนด์ ต้องยืนพื้นลงสนามเป็นตัวจริงหลัก

นักเตะตัวที่เหลือ ถ้ามีความสามารถในการออกบอลได้จะได้รับการพิจารณาเกมนี้เป็นพิเศษ ซึ่ง "คริสเตียน เอริคเซ่น" ในฐานะ DLP ก็ควรจะได้ลงตัวจริงเช่นกันเพื่อที่จะโจมตีพื้นที่ด้านหลังแนวรับของสเปอร์ส ด้วยบอลยาวที่แม่นยำของเขา

วิถีฟุตบอลของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู เป็นฟุตบอลเชิงรุกจริงๆอย่างที่เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ล่าสุดเอาไว้ที่ยกย่องสเปอร์ส ของน้าเอาไว้ สังเกตจากชาร์ทในภาพข้างบนนี้ก็จะเห็นเลยว่า สเปอร์ส ปีนี้เล่นด้วยรูปแบบยังไงบ้าง

สังเกตที่ PPDA เรื่องของความเข้มข้นในการเพรสซิ่ง อยู่ในอันดับ 2 ของลีกทีเดียว, ปริมาณการยิงอยู่อันดับ 3, การครองบอลมาอันดับ 4 ของลีก, Field Tilt ซึ่งสะท้อนการโถมบุกใส่พื้นที่ Final third ของคู่แข่ง มาเป็นอันดับ 3

สรุปโดยรวม พูดง่ายๆว่า สเปอร์สของแอนจ์เป็นที่ทีมเล่นฟุตบอลในเชิงรุกแบบครบเครื่องจริงๆ เพราะการเล่นเพรสซิ่ง มันคือเกมป้องกันในเชิงรุกนั่นเอง

ในการเล่นของพวกเขา จะมีองค์ประกอบหลักตามตัวอย่างดังนี้

1. เพรสสูงตลอดเวลา

2. เน้นการครองบอล

3. หมุนตำแหน่งเปิดพื้นที่โจมตี

4. ดึงฟูลแบ็คมาใช้งานมากขึ้น ทั้งด้านกว้าง และให้เล่น Inverted Full-back

5. เจาะทะลวงจากตรงกลาง

น้าแอนจ์เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อปี 2020 ตอนที่ยังเป็นโค้ชทีม Yokohama F Marinos เอาไว้ว่า "ทุกๆซีซั่นผมอยากให้ทีมของผมยิงมากกว่าใครๆ เราไม่เคยกังวลเรื่องจะต้องได้คลีนชีทเลย"

พูดง่ายๆคือปรัชญาน้าแกคือ "ลุยแหลก" เป็นหลัก ไม่ใช่ว่าทิ้งเกมรับ แต่พวกเขาพร้อมลุยเต็มตัวจริงๆ นั่นคือตัวตนและวิถีของไก่เดือยทองในมือแอนจ์ด้วย ไม่ต่างกับตอนคุมโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เลย

จากทั้งหมดในบทความนี้ก็น่าจะทำให้ผู้อ่านได้เห็นแล้วว่า แอนจ์ ปอสเตโคกลู มีตัวตนในการทำทีมฟุตบอลอย่างไร ซึ่งนั่นจะเป็นกำไรของแฟนบอลมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะคืนนี้จะเป็นเกมที่สนุกแน่ๆ ด้วยความเมามันส์ที่จะเปิดเกมฉะกันตั้งแต่ต้นจนจบ สเปอร์สไม่มีคำว่ากลัว ซึ่งนั่นก็จะเป็นโอกาสให้แมนยูไนเต็ดเช่นกัน เพราะปีศาจแดงเองถึงแม้จะฟอร์มไม่ดีในช่วงนี้

แต่ทีมเราก็มีมือมีตีนเหมือนกัน พูดภาษาชาวบ้าน

อยู่ที่มุมมองของทีมเลยว่าจะเล่นยังไง จะใช้แผนเดิมเหมือนที่ครองบอลบุกกดเหมือนนัดที่แล้วในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกหรือไม่ เกมแรกนั้นเรา "โจมตีเร็ว" สวยๆได้หลายจังหวะ รวมถึงการเล่น "High Pressing" รวมถึง Counter-press เกมนั้นใช้เล่นงานสเปอร์ส ในช่วงแรกได้อยู่หมัดจริงๆ โดยเฉพาะพลังงานของ เมสัน เมาท์ ที่บีบเพรสและชิงบอลในแดนบนมาให้ทีมได้บุกหลายๆครั้ง

นัดนี้ต้องดูว่า เมื่อเมาท์ไม่อยู่ เอริคจะสั่งตัวบนเพรสหนัก บีบพื้นที่เหมือนเกมนั้นหรือไม่ ซึ่งต้องบอกอีกครั้งว่า แมนยูเราไม่ได้เล่นเพรสเต็มรูปแบบในทุกๆเกม

แต่ทุกๆเกมที่เราเล่นเพรสซิ่งเต็มรูปแบบ เราทำผลงานได้ดีทุกนัด

เกมที่ชนะเชลซีมาก็เพรส เกมชนะวิลล่าก็เพรส ถ้านัดนี้เปิดหน้าแลก สวมหัวใจปีศาจ เพรสซิ่งสู้กับสเปอร์สไปเลย โอกาสจะกดได้เหมือนนัดแรกก็มีสูงเหมือนกัน

ตัวเล่นสดๆที่พร้อมเพรส มีเพียบ การ์นาโช่ บรูโน่ ฮอยลุนด์ คือหอกเพรสหลักของทีม ถ้าวางเกมแพลนให้ลุยแหลกแบบนั้นก็น่าดูมากๆ

ยังไงก็ตาม คืนนี้ก็หวังว่าจะเป็นเกมฟุตบอลระดับห้าดาวให้กับแฟนๆหลายคนได้สนุก และตื่นเต้น ด้วยตัวผู้เล่นของแมนยูหลายๆคนที่กลับมาซ้อม ค่อนข้างน่าดูชมมากๆว่า เทน ฮาก จะจัดทีมลงมายังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเตะคนสำคัญๆที่เริ่มตบเท้ากลับมาแล้วอย่าง "ลิช่า คาเซ เอริคเซ่น" สามคนนี้จะเป็นตัวกำหนดโฉมหน้าของเกมนัดนี้จริงๆ

โอเค มันก็จริงอยู่ เกมแรก ลิช่า กับ คาเซ ก็อยู่ในสนามแต่ก็แพ้มันก็จริง แต่อย่าลืมว่านั่นก็เป็นนัดที่เราเล่นได้ดีกว่าจริงๆด้วยเหมือนกัน มันขาดแค่ผลลัพธ์เท่านั้นเอง

ยูไนเต็ดไม่ด้อยกว่าแน่ๆ อยู่ที่จังหวะและโอกาสล้วนๆในคืนนี้ ใครทำได้ก็ชนะไป

ผู้เขียนก็หวังว่ามันจะเป็นเกมที่ดีสำหรับแฟนผีที่จะได้ดูฟุตบอลสนุกๆในนัดนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์การแข่งขันจะเป็นยังไง ไม่สำคัญเท่ากับการต่อสู้ในสนามจริงๆ ซึ่งจะเป็นเกมที่ดีมากๆของแฟนบอล ของนักเตะในสนาม และการประชันกึ๋นกันของ แอนจ์ vs เอริค ซึ่งน่าจะสนุกสำหรับคอฟุตบอลสายแทคติกเป็นแน่

แล้วเราจะได้เห็นคำตอบกันคืนนี้ วันอาทิตย์ห้าทุ่มครึ่ง 

#BELIEVE

-ศาลาผี- 


References

https://theanalyst.com/eu/2024/01/manchester-united-vs-tottenham-prediction/

https://theathletic.com/5111519/2023/12/05/ange-postecoglou-tactics-spurs-man-city/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด