:::     :::

[Data Analysis] "แมนยูอ่อนลูกเตะมุม" จริงหรือ?

วันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,330
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอีกครั้งที่ข้อมูลวิเคราะห์จาก Opta แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่แฟนบอลคิด มันตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน หลังจากอ่านจบแล้วจะรู้ทันทีว่า มันมีทั้งสิ่งที่ตรงและไม่ตรง แต่ทุกๆอย่างก็ตั้งอยู่บนเป้าหมายที่แมนยูยังต้องปรับปรุงพัฒนาทีมต่อไป

ในระหว่างที่ส่วนสำคัญกำลังดำเนินกระบวนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารด้านฟุตบอลของสโมสรอยู่ จากการนำของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ หุ้นส่วนคนใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และกำลังค่อยๆทยอยนำเข้าบุคลากรสำคัญๆเข้ามาดูแลด้านฟุตบอลนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปกับการพัฒนาทีมชุดปัจจุบันด้วยทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ "เวลา" สำหรับการก่อสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา และไม่สามารถเสร็จสิ้นได้เร็วภายในแค่ 1-2 ปี

เพราะฉะนั้นการสะดุด ความล้มเหลว ความพ่ายแพ้ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ระหว่างทางที่จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้เป็นตัวตั้ง เพื่อที่จะสร้างทีมระยะยาวให้เสถียรเหมือนกับที่ คล็อปป์ และ เป๊ป ทำกับสโมสรพวกเขามานานหลายปีแล้ว

หนึ่งในหลายๆสิ่งที่เป็นจุดอ่อน และเป็นปัญหาของแมนยูไนเต็ด เชื่อว่าหลายๆคนคงจะรู้กันดีว่าแมนยูมีปัญหากับเรื่องลูกเซ็ตพีซมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นฟรีคิก หรือ ลูกเตะมุมก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมล่าสุดที่เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ เป็นเกมที่ทำให้แฟนบอลเห็นว่า แมนยูมีปัญหาหนักมากเวลาโดนเล่นงานด้วยเซ็ตพีซอย่างลูกเตะมุมเช่นนี้ มันจึงเป็นต้นตอของเนื้อหาบทความนี้ว่า เราเจอปัญหาเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เราแย่เพียงใด หรือจริงๆแล้วมันไม่ได้แย่อย่างที่แฟนบอลคิดกัน ทุกอย่างอยู่ในข้อมูลวิเคราะห์เหล่านี้ที่สามารถตอบคำถามได้หลายๆเรื่อง

เริ่มแรกก่อน ในเกมเสมอกับสเปอร์ส 2-2 จุดที่เห็นได้ชัดคือ ในครึ่งแรก แมนยูไนเต็ดทำเกมเร็วได้ดุดันและอันตรายเหนือกว่าสเปอร์ส ในภาคเกมรุกโอเพ่นเพลย์ เกมเร็วจากจังหวะ Transition ทำได้ดีมาก และบุกได้เด่นชัดกว่าอีกฝั่ง

แต่กลายเป็นว่า สเปอร์ส ที่ดูจะทำอะไรแมนยูไม่ค่อยได้ กลับสามารถสร้างความอันตรายให้ปีศาจแดงได้จาก "ลูกเตะมุม" ในเกมนี้หลายต่อหลายครั้ง จากประตูของริชาร์ลิซอน รวมถึงอีกลูกของ คริสเตียน โรเมโร่ ที่โหม่งชนคาน และอีกครั้งที่โดนเตะมุมเล่นงานจน ดิโอโก้ ดาโลต์ ต้องเคลียร์บอลออกจากเส้น

จะเห็นชัดจากเกมลีกนัดนี้เลยว่า แมนยูของเรามีปัญหาจากเซ็ตพีซจริงๆ ใครเห็นก็ต้องคิดแบบนั้น นี่คือ perception การรับรู้ของแฟนผีมาตลอด โอกาสทั้งหมดที่สเปอร์สได้ยิงจากจังหวะเตะมุม เกิดขึ้นถึง 7 ครั้ง ทั้งหมดได้ไป 1 ประตู จาก xG 0.8 ตามภาพข้างล่างนี้

เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์หลังเกมนัดนี้ แสดงออกถึงจุดที่เขายังไม่พอใจการเล่นของลูกทีมในแอเรียดังกล่าว ผ่านการตอบคำถามที่ว่า หลังจากซื้อหุ้นแล้ว เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ จะรู้สึกยังไงหลังดูเกมนี้

"เขาจะได้เห็นในส่วนของการสู้เพื่อกันและกันของทีม และความพยายามที่จะชนะ เขาได้เห็นประตูที่ดีเยี่ยมที่ทีมเราทำได้ และเขาก็จะเห็นได้เลยว่าเราจะต้องป้องกันลูกเตะมุมให้ดีกว่านี้ เราต้องป้องกันลูกเซ็ตเพลย์ให้ดีขึ้น คุณต้องใหญ่กว่านี้ มีกายภาพที่ดีกว่านี้ โหม่งเคลียร์บอลออกไปให้ได้ ประตูนั้นมันไม่ควรจะโดน"

นี่คือคำพูดเต็มๆของเทน ฮาก ที่สื่อบางสื่อนำไปตัดต่อโจมตีกันอย่างสนุกสนานในโซเชียลมีเดีย

การเสียประตูจากลูกเซ็ตพีซ(ไม่ใช่แค่ลูกเตะมุม)ของแมนยูในปีนี้นั้น คิดเป็น 23% ของ xGA (ค่าโอกาสที่จะเสียประตู) ซึ่งก็คือ 1 ใน 4 ของประตูที่แมนยูมีโอกาสจะเสีย มาจากลูกเซ็ตพีซนั่นเอง คิดเป็นสัดส่วนในทีมก็สามารถบอกและตีความได้ง่ายๆว่า หนึ่งในสี่จากโอกาสเสียประตูของแมนยู จะมาจากเซ็ตพีซนั่นเอง

ถามว่ามีสถิติทีมไหนที่มีสัดส่วนจะเสียประตูเพราะป้องกันเซ็ตพีซไม่ดีไหม? มีแน่นอน และทีมนั้นคือลิเวอร์พูล ที่มีสัดส่วนเป็น 25% เป๊ะๆ เยอะกว่าแมนยู 2% นั่นแปลว่าจริงๆถ้าจะเล่นงานลิเวอร์พูลให้ได้ ลูกเซ็ตพีซเป็นอีกหนึ่งจุดที่ลูกทีมของคล็อปป์รับมือได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และเป็นแอเรียที่ใช้โจมตีพวกเขาได้

สถิติเชิงลึกในเรื่องลูกเตะมุมที่ Opta มีอยู่นั้นยังชี้ให้เห็นว่าการเจอลูกเตะมุมของแมนยูมีปัญหาในมิติของด้าน "ความสามารถในการชิงจังหวะป้องกันบอลที่ถูกเปิดเข้ามา" 

เพราะยูไนเต็ดมีสถิติที่ว่า "บอลที่ถูกเปิดเตะมุมเข้ามา ทีมคู่แข่งคนใดคนหนึ่งมักจะเข้าถึงบอลในจังหวะแรกก่อน" 

สถิติตรงนี้ของแมนยูอยู่ที่ 50.4% ถึงแม้จะเกินมาแค่ 0.4 แต่ก็ถือว่า "เกินครึ่ง" ที่ลูกเตะมุมเข้ามาคู่แข่งจะเข้าถึงบอลได้ก่อน ซึ่งเอาจริงๆสถิติ 50-50 แบบนี้ก็ค่อนข้างแย่มากๆแล้ว

มีเพียงแค่อีกสองทีมเท่านั้นในฤดูกาลนี้ที่เข้าถึงบอลได้แย่กว่าแมนยูไนเต็ด คือ บอร์นมัธ(54%) และ เอฟเวอร์ตัน(59.5%) เท่านั้นที่เข้าถึงลูกเตะมุมจังหวะแรกแย่กว่าแมนยู โดยเฉพาะเอฟฯนี่คือสถิติเดือดมาก (ฮา)

จดจำเรื่องตรงนี้ไว้ก่อนว่า เรามีปัญหาใน "แง่มุม" เรื่องนี้ แต่เดี๋ยวรอดูภาพรวมอีกทีจะเข้าใจกันได้ชัดกว่านี้มาก เพราะนี่คือสถิติที่แยกมาเดี่ยวๆแค่ด้านเดียวว่า แมนยูเข้าเล่นจังหวะแรกของบอลเตะมุมได้น้อยกว่าคู่แข่ง ด้านนั้นเอง แต่จะดูว่าดีหรือไม่ดีต้องดูในภาพรวมต่อไป

วิถีจุดตกของบอลที่แมนยูเจอเวลาโดนลูกเตะมุม จะเห็นว่าโดนเปิดโค้งเข้ามาพื้นที่อันตรายตรงกลางหน้าประตูเยอะมาก

สถิติต่อมาคือ 40.7% ของการที่แมนยูโดนลูกเตะมุม จะถูกยิงอย่างน้อยหนึ่งครั้งจากคู่แข่ง ก็พูดง่ายๆว่า 40% จากเตะมุมทั้งหมด แมนยูจะโดนคู่แข่งส่องยิงแล้วหนึ่งครั้ง ทีมที่แย่กว่าในด้านป้องกันโอกาสยิงจากเตะมุม มีอีกเพียงสามสโมสรที่สถิติแย่กว่าแมนยูไนเต็ด นั่นก็คือ เชลซี (44.9%), ลูตันทาวน์ (44.1%) และท็อตแน่มนี่เอง(42.7%)

และการโดนยิงเหล่านี้ ค่าโอกาสที่จะเป็นประตูจาก xG ที่โดนเตะมุมของแมนยูนั้น อยู่ที่ "5.7" ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับสองในด้าน xGจากเตะมุม รองจาก เชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นแชมป์ในเรื่องนี้เพราะมี xG รวมสูงถึง 6.7 จากการโดนเตะมุม

ดูจากทรงแล้วก็เหมือนจะชี้ชัดไปว่า แมนยูมีปัญหาหนักเวลาโดนลูกเตะมุม 

แต่จริงๆมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย จำตัวเลข 5.7 นี้ไว้ดีๆ

มันสะท้อนได้เพียงแค่บางมิติที่นำเสนอไปเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสถิติใหญ่ในภาพรวมจริงๆ แมนยูไนเต็ดมีสัดส่วนของการเสียประตูจากลูกเตะมุมที่ "น้อยมาก" ถ้าเทียบกับทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก โดยหลักฐานอยู่ตามตารางสถิติที่เกิดขึ้นจริงในภาพข้างล่างนี้ซึ่งไม่มีอะไรจริงกว่านี้แล้ว ให้ผู้อ่านสังเกตที่คอลัมน์สุดท้าย % Followed by goal หรือเปอร์เซ็นต์ที่ทีมเสียประตูจากการโดนลูกเตะมุม แมนยูไนเต็ดมีอัตราการเสียประตูเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยมาก ไม่ถึง3% และมีเรทการป้องกันเตะมุมที่ดีเป็นอันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

พูดง่ายๆว่า โดนเตะมุม 100 ครั้ง เราจะเสียประตูแค่ราวๆเกือบถึง 3 ลูกแค่นั้นเอง

กลายเป็นว่าอัตราส่วนของทีมที่ป้องกันลูกเตะมุมได้ไม่ดีจริงๆ ด้วยจำนวนครั้งที่โดน เทียบกับประตูที่เสีย กลายเป็นว่าทีมอย่างแอสตันวิลล่า ไบรท์ตัน อาร์เซนอล พวกเขามี "อัตราการป้องกัน" ที่ค่อนข้างแย่ โดยเฉพาะอาร์เซนอล ถ้าโดนเตะมุม 100 ครั้ง พี่ก็เสียประตูไปแล้วแปดลูกครึ่ง (8.62%) เรทติ้งตรงนี้ชัดเจนเลยว่า อาร์เซนอลนี่แหละที่มีปัญหาเวลาโดนเตะมุมจริงๆ

สถิติตรงนี้คือจุดสำคัญที่สุดพาร์ทหนึ่งของบทความ และเราจะได้เห็นเลยว่า จริงๆแล้วปัญหาของแมนยูมันไม่ได้อยู่ที่การป้องกันลูกเตะมุมสักเท่าไหร่ เราไม่ได้แย่ถึงขนาดห่วยสุดติดอันดับต้นๆของลีกเลย กลายเป็นว่าเราป้องกันเตะมุมติดอันดับTop6 ซะด้วยซ้ำถ้าเทียบกับอัตราการเสียประตูแบบนี้

นี่คือตัวเลขที่เป็น FACT ชัดเจนแบบไม่ต้องคิดไปเองด้วยเหตุผลของแฟนบอล ไม่ต้องมโนนู่นนี่ สถิติตรงนี้มันชัดอยู่แล้ว เพียงแค่ว่าเราต้องอธิบายให้ชัดเจนทุกประเด็นแค่นั้นเอง

จุดสังเกตง่ายๆในเคสนี้คือ ให้ดูที่ปริมาณ Corner Faced (การโดนลูกเตะมุม) แมนยูโดนค่อนข้างเยอะมากถึง 135 ครั้ง แต่เพิ่งเสียไปแค่ 4 ประตูเท่านั้นเอง เทียบกับเชลซี โดนเตะมุมน้อยกว่าเราเยอะพอควร (107) แต่สิงห์บลูเสียประตูไปแล้ว 5 ลูก สัดส่วนของอัตราการป้องกันลูกเตะมุมของเชลซีจึงอยู่สี่อันดับรั้งท้ายอย่างที่เห็น

ถ้าวัดเป็นปริมาณ เทียบกันตรงๆกับทีมอื่นไปเลยนั้น การเสียจากลูกเตะมุม4ลูกของแมนยู จริงๆไม่ได้แย่อะไรเลย ดีกว่าหลายๆทีมด้วยซ้ำ จุดที่ต้องพิจารณาคือ เราเป็นทีมที่ป้องกันแล้วเสียเตะมุมเยอะมากกกกกเท่านั้นเอง แมนยูเสียเตะมุมเยอะสุดเป็นอันดับ3ของพรีเมียร์ลีก อันดับหนึ่งคือ เชฟยูฯ 146 รองลงมาคือ คลับไก่สเปอร์ส 143 ครั้ง เยอะกว่าแมนยูอีก

การโดนเตะมุมบ่อยๆไม่ใช่เรื่องดีก็จริง สิ่งที่ดีในอีกด้านหนึ่งของอาร์เซนอลคือ พวกเขาเสียเตะมุมน้อยครั้งมากๆ เสียแค่ 58 ครั้ง น้อยสุดในลีก ถึงแม้ว่าอัตราการป้องกันจะไม่ดีก็จริง แต่พวกเขาแก้ไขได้ด้วยการไม่ให้เสียเตะมุมบ่อยๆ เน้นครองเกมให้ได้เป็นหลักแค่นั้นเอง

เพราะงั้นเราถึงได้บอกว่า ทุกๆข้อมูลวิเคราะห์ต้องคิดให้รอบด้าน สถิตินี้เป็นการพูดคุยกันในมิติเรื่องของการ "ป้องกันลูกเตะมุม" ว่าแมนยูป้องกันแย่จริงๆหรือไม่ คำตอบคือ เกมป้องกันเตะมุมเราไม่ได้แย่อย่างที่แฟนบอลคิดจริงๆ แต่ยูไนเต็ดก็มีปัญหาที่ต้องแก้ และทำให้ได้อย่างอาร์เซนอล ที่พวกเขาเสียเตะมุมกันน้อยมาก

แม้ไอ้ปืนใหญ่จะป้องกันลูกเตะมุมได้แย่สุดๆ แต่พวกเขาตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการไม่เสียเตะมุมได้นั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่แมนยูต้องแก้ไข เพราะการเสียเตะมุมบ่อยสุดเป็นอันดับ3 มันไม่ค่อยดีเอามากๆ เพราะเล่นดีให้ตายยังไง แต่ลูกเซ็ตพีซมันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนผลการแข่งขันได้ง่ายมากๆ เหมือนเกมครึ่งแรกที่เราอัดสเปอร์ส แต่โดนเซ็ตพีซเตะมุมตีเสมอง่ายๆอย่างที่เห็นนั่นเอง

ส่วนเรื่อง xGที่จะเสียประตูจากเตะมุม (xGA) ของเราแม้จะสูงเป็นอันดับสองอย่างที่กล่าวไปแล้ว (xGA 5.7) แต่เมื่อนำค่ารวมนี้ไปเฉลี่ยกับ Attempts หรือโอกาสทั้งหมดที่เกิดขึ้น xGA เฉลี่ยอยู่ที่ 0.091 ซึ่งไม่ได้แย่ที่สุด แต่เป็นสถิติที่จริงๆแล้วเราอยู่ "กลางๆ" ถ้าเทียบกับทีมในพรีเมียร์ลีกนั่นเอง ซึ่งตรงนี้มันสะท้อนเรื่องของการป้องกันลูกเตะมุมได้ว่า ในแต่ละครั้งที่โดน xGA ของเราอยู่แค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้นเอง

แมนยูไม่ได้ป้องกันลูกเตะมุมแย่อย่างที่เราคิดกันไป(รวมถึงคนเขียนด้วย) แม้แต่นิดเดียว นี่คือ FACT พอเทียบเป็นสัดส่วนแบบนี้ออกมาแล้วจะเห็นชัดมากๆ แม้กระทั่งปริมาณที่เราโดนเตะมุมเยอะมากๆ แต่ถ้าวัดเป็นปริมาณลูกที่เสียจากเตะมุม ก็ยังน้อยกว่าชาวบ้านอยู่ดี แค่4ลูกเอง มันเลยไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริงของเราในภาคเกมรับ

เรื่องรูปแบบโครงสร้างการป้องกันเซ็ตพีซ ข้อนี้จริงๆเคยนำเสนอมานานแล้วว่า "Defensive Structure ของการป้องกันเซ็ตพีซ" ทีมเรา ในภาพข้างบนนี้ เราใช้วิธีการสากลที่จริงๆหลักการก็ถูกต้องแล้ว สถิติเกมรับลูกเตะมุมถึงได้พอจะโอเคอยู่

อย่างที่อธิบายบ่อยๆ มีตัว Zonal หลักๆ ในภาพนี้คือวงดำ, มีตัว Man-mark สีแดง ตัวคุมเสาสองคน และตัววิ่งไล่บอลวงนอก(สีเหลือง) อีกสองคน ถือว่าโครงสร้างดีตามมาตรฐาน ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ต้องระวังตัว Man-marking ให้ดีๆเท่านั้นเองเพราะโดนวิ่งหลุดบ่อยๆ ส่วนเรื่อง Physical ที่เสียเปรียบ อันนี้แก้ยากจริงๆยกเว้นว่าจะชัดเจนเรื่องการนำเข้านักเตะใหญ่ๆเข้ามา  

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเรื่องตรงนี้ไม่น่าห่วงเลย ยิ่งเกมรับเราเหนียวๆด้วยในจังหวะป้องกันอื่นๆ แทคเกิลได้ บล็อคลูกยิงได้อีก ทุกอย่างมันจะดีกว่านี้อีก เพราะสถิติที่เจอกับโอกาสยิงของเรา รวมลูกที่แนวรับเราบล็อคได้ ทั้งหมดอยู่ที่ 317 ครั้ง มากเป็นอันดับสี่ของพรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังป้องกันได้ดี เพราะงั้นถ้าแนวรับเรายิ่งเหนียวเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะสามารถป้องกันลูกเตะมุมได้ดีกว่านี้อีก

เพราะงั้นพาร์ทนี้ที่เขียนจึงไม่มีอะไรน่ากังวล นอกจากสถิติแรกๆที่นำเสนอ คือเรื่องการเข้าชิงเล่นบอลแรกจากจังหวะเตะมุม ซึ่งยังเป็นสามทีมที่แย่ที่สุดในลีก ที่แย่งบอลแรกได้แย่กว่าคู่แข่งแค่นั้นเอง แต่ถ้าวัดการป้องกันจริงๆ เราป้องกันได้ดีทีเดียวในการรับมือกับลูกเตะมุม

ทั้งหมดนี้คือเรื่อง "เกมรับ" ของลูกเตะมุมของเราที่ทำได้ดี ทีนี้มาเรื่อง "เตะมุมในเกมรุก" กันบ้าง อันนี้แหละที่มีปัญหา

เรื่องแรกก็คือ แม้แมนยูจะเป็นทีมที่เรียกเตะมุมได้เยอะสุดเป็นอันดับ4ของลีก (134 ครั้ง) แต่ทีมเราคือ หนึ่งในห้าทีม ที่ยังทำประตูไม่ได้จากการสัมผัสบอลครั้งแรกจากลูกเตะมุม คือพูดง่ายๆว่า มาถึงโขกเข้าไปเลยจังหวะเดียว เรายังยิงไม่ได้นั่นเอง จะเห็นได้เลยว่าแมนยูไม่มีลูกแบบนี้ ยิ่งแมกไกวร์ คาเซมิโร่ไม่อยู่ ลูกโหม่งเกมรุกหายเกลี้ยง!

ประสิทธิภาพ "การรุกด้วยเตะมุม" ของเรานั้น ด้อยกว่ามากถ้าเทียบกับ "การรับมือลูกเตะมุม"

แมนยูไนเต็ดมีสถิติการทำประตูได้ 1 ประตู ต่อโอกาสเตะมุมทั้งสิ้น 67 ครั้ง คือพูดง่ายๆว่าเตะมุมไปให้ตายแมนยูก็ยิงไม่ได้นั่นเอง ว่ากันตรงๆ กลับกัน อาร์เซนอลคือทีมที่สถิติยิงได้จากเตะมุมเยอะมาก การเตะมุม 16.4 ครั้งโดยเฉลี่ย พวกเขาจะยิงได้ 1 ประตู อัตราส่วนโหดมาก

xG ลูกเตะมุมของเราที่เกิดขึ้น คือ 3.1 xG และทำได้จริงๆแค่ 2 ประตู นั่นก็สะท้อนแล้วว่าประสิทธิภาพเรายังไม่ดีในการทำประตูจากลูกเตะมุม เพราะทำได้น้อยกว่า xG แปลว่าขาดความเฉียบคมจากการทำประตูจังหวะเตะมุม ซึ่งเอา xG ลูกเตะมุมของเรามาเฉลี่ยแล้ว อยู่ที่ xG "0.06" และสถิตินี้ต่ำที่สุดในบรรดา 20 ทีม

เพราะงั้นจะบอกว่า "แมนยูทำประตูจากเตะมุมได้กากที่สุดในพรีเมียร์ลีกปีนี้" อันนี้ผมว่าพูดได้เลย ก็FACTมันฟ้องอยู่ 

ผู้เขียนเคยพูดเรื่องนี้ไว้ในไลฟ์ Red Cafe สัปดาห์ก่อน ว่าด้วยเรื่องปัญหาทางด้าน "กายภาพ" ของนักเตะแมนยูไนเต็ด ที่ด้อยกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆมาก เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกกลางอากาศของเรามันไม่โดดเด่นทั้งเกมรับเกมรุก แย่งโหม่งคู่แข่งแพ้เป็นประจำตามสถิติข้างต้นที่ว่าไปแล้ว และสถิติที่ว่า เราทำประตูจากลูกโหม่งได้ 3 ลูก จากโอกาสการโหม่งทำประตูทั้งหมด 34 ครั้ง ปริมาณการโหม่งเพื่อจะทำประตูนั้น อยู่ในห้าอันดับรั้งท้ายของพรีเมียร์ลีก ก็ชัดเจนว่า Physical ของเด็กทีมเรามันชิงเล่นลูกโหม่งแย่กว่าคู่แข่งมากจริงๆ

นอกจากเรื่องกายภาพ การแย่งโหม่ง ปริมาณการทำประตูแล้วนั้น มีสถิติอีกอย่างที่น่าสนใจ นั่นคือเรื่อง "วิถีของลูกเตะมุม" 

ลักษณะของลูกเตะมุมที่เปิดเข้ามานั้นมีสองแบบ คือ โค้งเข้าหาประตู (Inswinging Corners) และ  โค้งหนีประตู (Outswinging Corners) พูดในเกมรับก่อน ปรากฏว่า เวลาแมนยูโดนเปิดโค้งเข้าหาประตูแบบ Inswing) คู่แข่งสามารถเข้าถึงบอลได้ก่อนถึง 33.9% รองจากแค่ทีมเดียวคือ เวสต์แฮมที่แย่กว่านี้ (37.3%) ข้อนี้คือปัญหาเดิมที่เราพูดไปแล้ว เรื่องการเข้าถึงบอลจังหวะแรกที่ไม่ดี

การโดนลูกที่เปิดโค้งเข้าหาปากประตู แล้วทีมเราเข้าไปเล่นบอลแรกก่อนคู่แข่งไม่ได้มากนั้น ส่วนหนึ่งนอกจากแนวรับที่ยังมี Aerial Abilities ไม่พอแล้วนั้น ก็ยังเป็นแง่มุมที่ว่า อังเดร โอนาน่าเอง ยังไม่สามารถจัดการลูกเตะมุมที่เปิดโค้งเข้ามาได้ดีสักเท่าไหร่ เขาเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องรับผิดชอบแง่มุมนี้เพราะบอลโค้งเข้า (Inswing) มันเป็นบอลที่โกลมีแนวโน้มจะออกมาชกตัดได้ ดังนั้นอังเดรก็ต้องเร่งฟอร์มและแก้ไขเรื่อง Command area ไปพร้อมๆทีมเหมือนกัน

ส่วนทางด้านเกมรุก ดูภาพรวมแล้วมีปัญหาแน่ๆ และก็จริง ให้สังเกตชาร์ทในภาพข้างล่างนี้ที่แสดงรูปแบบการเปิดเตะมุมของแต่ละทีม ให้สังเกตที่แมนยู จะเห็นเลยว่าแมนยูมักจะ "เปิดบอลโค้งหนีประตู"(Outswing) มากกว่า "เปิดบอลโค้งเข้าประตู"(Inswing) เยอะมาก เตะมุมโค้งออกคิดเป็น 59% เลยทีเดียว เทียบกับเปิดบอลโค้งเข้าแค่41% เท่านั้นเอง

แน่นอนว่า บอลที่โค้งเข้า อันตรายกว่าอยู่แล้ว แมนยูเปิดบอลโค้งออกแบบนี้บ่อยๆ ปัญหาถึงได้เป็นแบบนี้ไง อันนี้ชัดมาก ถ้าเทียบกับทีมที่เล่นเตะมุมโหดสุดอย่างอาร์เซนอล ไปดูรูปแบบพวกเขาจะเห็นชัดมากกว่า "99%" น่อลใช้ Inswinging Corners ล้วนๆเลย มิน่าได้ประตูอย่างบ่อย นี่คือปัญหาลูกเตะมุมในเกมรุกที่แมนยูควรแก้ไข และจริงๆพวกเขาควรจะมี Data เหล่านี้อยู่ในมือบ้าง(ไหม) อันนี้ก็สงสัยอยู่ 

แต่ส่วนหนึ่งเหตุที่มันเป็น Outswing มากแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ลุค ชอว์" ที่เป็นตัวเตะมุมหลักหายไป ทำให้ลูกเตะมุมประเภทโค้งเข้าหาโกลมันลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

แง่มุมดีๆเพียงแค่เรื่องเดียวของ ลูกเตะมุมในเกมรุก ของเรา นั่นก็คือ "เตะมุมสั้น" 

37% ของลูกเตะมุมที่เล่นสั้น แมนยูไนเต็ดจะได้ลองยิงอย่างน้อยๆหนึ่งครั้ง ซึ่งมีอีกแค่4ทีมที่ทำได้ดีกว่านี้ ขณะที่สัดส่วนของการเตะมุมที่นำไปสู่โอกาสที่ได้ยิง (34.7%) ชี้ชัดว่าพวกเขาทำได้ดีกว่าหากว่าโฟกัสเตะมุมด้วยการเล่นสั้นแบบละเอียดๆได้ดี

สิ่งน่าสนใจในเกมรุกโดยเตะมุมของเรามีแค่นี้จริงๆ โดยเฉพาะความจริงที่ว่าเราได้เตะมุมเยอะสุดๆเกือบจะเหนือกว่าทุกทีม แต่เอาโอกาสเหล่านี้โยนทิ้งไปหมด นั่นคือเรื่องที่น่าเป็นห่วง และต้องแก้ไขจริงๆ

Conclusion

สรุปแบบสั้นๆในบทความนี้ เราสามารถฟันธงได้เลยว่า "เกมป้องกันลูกเตะมุมของแมนยูไม่ได้แย่เลยอย่างที่เราคิด ตั้งรับเตะมุมค่อนข้างดีซะด้วยซ้ำ" สิ่งที่แย่หนักมากจริงๆคือ "ได้ลูกเตะมุมในจังหวะเกมรุก" ที่มีปัญหามากจริงๆ จึงเป็นสิ่งที่แมนยูต้องปรับปรุงแก้ไขให้ได้ ถ้าทำได้สำเร็จ มันจะช่วยเรื่องผลลัพธ์ได้มาก ยิ่งถ้าเอริค เทน ฮาก มองว่าบอลเราปีนี้ควรใช้บอลไดเร็คต์เป็นอาวุธหลัก คุณยิ่งต้องพัฒนาลูกเซ็ตพีซด้วย

บางทีครองบอลไม่สวย แต่ได้บอลฉาบฉวยจากเซ็ตพีซพวกนี้ก็เล่นงานคู่แข่งให้เน่ามาได้แล้วนักต่อนัก ตัวอย่างง่ายๆคือนัดชิงปี 99 สองลูกช่วงต่อเวลานั่นก็ลูกเตะมุมไม่ใช่หรือไง ไม่ได้ต่อเกมกันสวยๆยิงสักหน่อย นั่นแหละคือสิ่งที่ฟุตบอลเป็น และควรจะต้อง concern เรื่องนี้ให้เยอะกว่าเดิมแบบสุดๆจริงๆครับ

สู้ต่อไปปีศาจแดง แก้ไขให้มันดีกว่านี้ เวลาได้เตะมุมจะได้เสียวกับเค้าบ้าง!

#BELIEVE

-ศาลาผี-

Reference

https://theanalyst.com/eu/2024/01/are-manchester-united-really-that-bad-at-corners/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด