แน่นอนว่ามีสาวก เลส์ ปารีเซียงส์ หลายคนตั้งข้อสงสัยเพราะนี่คือนักเตะที่มีปัญหาทั้งในและนอกสนาม โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กระนั้นในมุมมองของกองหลังวัย 28 ปี มันคือความท้าทายและอุปสรรคที่อยากจะเอาชนะ พร้อมพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของตนเอง
สิ่งเหล่านี้แสดงออกมาตลอด 6 เดือนแรกในสีเสื้อ เปแอสเช แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับ แอร์กน็องเดซ เพราะเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เป้าหมายคือการพา ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ต้องการ
สวัสดี ลูกัส เป็นอย่างไรบ้างตั้งย้ายมาอยู่ที่กรุงปารีส?
"รู้สึกเยี่ยมไปเลย ผมมีความสุขอย่างมากที่ได้ย้ายมาร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ผมปรับตัวได้ดีมากๆ ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ ผมรู้สึกเยี่ยมทั้งในเรื่องของสภาพร่างกายและจิตใจ"
แล้วบรรยากาศที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ล่ะ?
"บอกตามตรง บรรยากาศน่าเหลือเชื่อมาก ตอนที่ผมอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค และพวกเรามาเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง มันก็น่าเหลือเชื่อมากอยู่แล้ว และการได้รับประสบการณ์ในฐานะนักเตะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง มันเหมือนมนต์วิเศษเลย ผมคิดว่าตอนที่ออกไปสู่สนามและได้ยินแฟนบอลทั้งหมดส่งเสียงเชียร์และหนุนหลังคุณอยู่ มันทำให้คุณต้องการเดินหน้าต่อไป และเป็นเรื่องจริงที่ว่าพวกเราต้องการพวกเขา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จะมีเกมสำคัญๆ ให้ลงสนามต่อจากนี้
"พวกเขาเป็นผู้เล่นคนที่ 12 อย่างแท้จริง เป็นกองเชียร์ที่สุดยอด ซึ่งคุณรู้สึกถึงมันในฐานะนักเตะ รู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นในสนาม ในฐานะกองหลัง ตอนที่คุณทำการปะทะ คุณได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนบอลหรือแม้แต่ตอนทำประตู มันเป็นแรงกระตุ้นและปลุกเร้าให้คุณเดินหน้าต่อไป ผมบอกได้เลยว่าตอนอยู่ในสนาม คุณได้ยินเสียงแฟนบอล และนั่นเป็นเรื่องดีมากๆ ตอนที่คุณเดินเข้าในสนามได้เห็นป้ายผ้าที่ยอดเยี่ยมจากฝีมือแฟนบอล รวมถึงบรรยากาศต่างๆ มันยิ่งทำให้คุณต้องการเริ่มเกมในทันที มันเป็นอะดรีนาลีนชั้นดีเลย
ตัวคุณเองก็มีความสัมพันธ์กับแฟนบอลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีการตั้งข้อสงสัยตอนที่ผมย้ายมาร่วมทีม ซึ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ผมตระหนักและรับรู้ทุกๆ อย่าง แต่ผมเป็นคนที่ใจเย็นเพราะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและรู้ด้วยว่าตัวเองต้องทำอะไรทั้งในส่วนของการใช้ชีวิตและการทำงานในสนาม ผมย้ายมา เปแอสเช เพื่อทุ่มเททุกอย่างให้ทีม เพื่อเอาชนะใจสาวก ปารีเซียงส์ ที่ตั้งข้อสงสัยและแสดงให้เห็นเห็นว่าผมย้ายมาและทุ่มเทให้ทีมอย่างสุดความสามารถ นั่นคือสาเหตุที่ผมย้ายมาที่นี่ ผมเป็นนักสู้และมาเพื่อคว้าแชมป์ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงพูดเรื่องเดิมๆ กับแฟนบอลปารีสทุกคนว่า ลูกัส แอร์กน็องเดซ จะทุ่มเทสุดความสามารถและจะทำทุกทางเพื่อนำแชมป์มาสู่ทีมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท้ายที่สุด พวกเราลงเล่นเพื่อพวกเขา เพื่อแฟนบอลของพวกเรา"
คุณเคยบอกว่าจุดแข็งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตนเองคือเรื่องของสภาพจิตใจใช่หรือไม่?
"เป็นเรื่องจริงที่มันเป็นหนึ่งในจุดแข็งของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเรื่องราวทุกๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและอาชีพนักเตะของผม
"ความมุ่งมั่นในสนามเป็นสิ่งที่ผมมีมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณทำงานไปพร้อมกับมันและพัฒนาส่วนนั้นให้มีมากยิ่งกว่าเดิม
"หาคุณรู้จักชีวิตนอกสนามของผม และนำมาเปรียบเทียบกับในสนาม ผมกลายเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นคือวิธีการที่ผมใช้ชีวิตในเกมฟุตบอลและประสบการณ์ในสนามเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
"เพราะในตอนที่คุณได้รับบาดเจ็บ ตอนที่คุณไม่ได้อยู่ในสนาม คุณตระหนักได้อย่างแจ่มชัดเลยว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังเล่นฟุตบอลได้และได้ทำในสิ่งที่คุณรัก ตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าตนเองโชคดีมากแค่ไหนที่สามารถทำสิ่งที่ตนเองรัก และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมทุกๆ เกมตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ผมจึงทุ่มเททุกอย่างลงไป และนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำไปตลอดเส้นทางอาชีพของตนเองหลังจากนี้"
แล้วความสัมพันธ์ของคุณกับ หลุยส์ เอ็นรีเก้ รวมถึงการทำงานร่วมกันกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง?
"ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หลุยส์ เอ็นรีเก้ โดยเฉพาะปัจจัยที่ผมพูดภาษาสเปนได้อย่างฉะฉาน พวกเราเข้ากันได้ดีมากๆ เขาให้คำแนะนำกับผมมากมาย เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม เขาช่วยให้ผมพัฒนา นักฟุตบอลสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา รวมถึงก้าวไปยังขั้นต่อไปได้เสมอ ซึ่งในมุมส่วนตัวแล้ว ผมพัฒนาและก้าวหน้ายิ่งขึ้นในการทำงานร่วมกับ หลุยส์ เอ็นรีเก้ โดยเฉพาะในเรื่องของวิธีการเล่น"
ตอนนี้คุณคุณอาศัยในกรุงปารีสมา 6 เดือนแล้ว ชีวิตในแต่ละวันของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
"ดำเนินไปด้วยดีมากๆ ผมมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้อาศัยในเมืองที่แสนวิเศษอย่างปารีส ผมภูมิใจกับการตัดสินใจของตนเองที่เลือกย้ายร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ผมโชคดีที่ได้พบกับครอบครัวมากขึ้น และได้ใกล้ชิดพวกเขายิ่งกว่าเดิม เป็นเรื่องจริงที่ว่าชีวิตผ่านไปรวดเร็วมาก คุณตาคุณยายของผมอายุมากแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผมได้ใช้เวลาร่วมกับท่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายของผม"
