เฉกเช่นเดียวกับวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ภาพของนายด่านหมายเลข 26 ได้กลับมาสวมถุงมือลงสนามเฝ้าให้กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมที่เขาเปรียบเป็นบ้านอีกครั้ง ในรอบ 1 ปี 9 เดือน แม้อาจจะยังไม่ได้ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาจะอยู่ในฟอร์มที่ดี เหมือนกับหลายปีก่อนก็ตาม
ทว่าด้วยความนิ่งและประสบการณ์ในการรับมือผู้เล่นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทำให้วันนั้นทีมชนะ 2-0 พร้อมกับเป็นการเก็บ “คลีนชีท” ของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ อีกครั้ง ซึ่งหลังจบเกมในวันนั้น เสียงชื่นชมต่างถาโถมมาสู่มือกาววัย 34 กะรัตรายนี้อย่างมาก
เขาได้เล่าถึงช่วงที่ได้รับบาดเจ็บ และทำได้เพียงเข้าฟิตเนส ผ่านทางเพจของสโมสรว่า "เราเป็นนักกีฬามาตลอดครึ่งชีวิต ไม่ว่าจะช่วงเช้าหรือเย็นเราจะต้องไปอยู่ที่สนาม เราต้องซ้อม มีเกมการแข่งขัน ช่วงที่มันเจ็บเรื่องพวกนี้ก็ขาดหายไป มันทำให้แบบบางทีเหมือนความสุขในชีวิตเราหายไป”
“ฟุตบอลมันก็คือสิ่งที่ผมอยู่กับมันมาตลอด จริงๆแล้วที่ผ่านมามันต้องผ่านอุปสรรค ผ่านความอดทน ผ่านการต่อสู้กับใจตัวเองมามากพอสมควร เราต่อสู้ เราอดทนมามากจนสามารถกลับมาได้ ผมขอบคุณตัวเองที่ยังไม่ยอมแพ้ ขอบคุณคนรอบตัวตอบสนับสนุน คอยให้กำลังใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใจตัวเอง"
สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียว เพราะในช่วงที่ต้องเข้ารับรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณสะโพก เขาได้แสดงสปิริตในการเซ็นสัญญากับ เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยไม่ขอรับค่าเหนื่อยที่มากมาย เพราะความรักที่มีให้จากผู้บริหาร และสโมสรที่สร้างเขาขึ้นมาในวัยเพียง 18 ปี
อันที่จริงเขามีโอกาสลงเล่นในเกมกระชับมิตรโดยเฝ้าเสาไป 45 นาที เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. พบกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไปแล้ว แน่นอนว่าหลังจบเกมที่ช่วยทีมเปิดบ้านชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไป 2-0 โมเมนต์มันพิเศษมากกว่านั้น เพราะช่วยทีมเก็บ 3 แต้มเลกในเลกสองได้สำเร็จ
"การกลับมาครั้งนี้ก็ดีใจมากๆ เราห่างหายบรรยากาศการแข่งขันจริงพอสมควร มันส่งผลดีต่อทางด้านจิตใจนะ แม้ผมจะเก็บคลีนชีตได้จริงๆต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีม ขอบคุณทีมงานทุกๆคนด้วย แต่ว่าสุดท้ายแล้วเกมเมื่อวานมันผ่านไปละ มันยังเหลือเกมข้างหน้าอีกเยอะ เราจะต้องเตรียมร่างกาย เตรียมทีมให้พร้อมสำหรับคว้าชัยชนะให้ได้มากที่สุด"
การกลับมาเฝ้าเสาของ "ตอง" มั่นใจได้ว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะอีกหลายคน ที่ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนต้องปิดเทอมยาว เพราะเขาทำให้เห็นแล้วว่า การกลับมาสู่สนามยังมีความเป็นไปได้เสมอหากหัวใจมันยังสู้ ช่วงที่ฟื้นฟูร่างกายก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งพยายามไปเรียนจนจบ ซี ไลเซนส์ แล้ว และมีแผนเรียน บี ไลเซนส์ ต่อ แต่ก็ยืนยันว่ายังไม่ได้มองถึงการแขวนถุงมือแต่อย่างใด
ไม่เพียงเท่านั้นเขาเองยังนำวิชาโค้ชประตู ที่ได้จากการเก็บเกี่ยวตลอดอาชีพ มาปรุงแต่งให้กับน้องๆ ในทีม ไม่ว่าจะเป็น พีระพงษ์ เรือนนินทร์, โสภณวิชญ์ รักญาติ, กรกฎ พิพัฒน์นัดดา และ คณพศ กาดี โดยใช้วิธีการ ตั้งกล้องในการให้ดูการยืนตำแหน่ง เพื่อนำกลับมาแก้ไขจุดบกพร่อง
คลิปการฝึกสอนที่มาจาก กวินทร์ ซึ่งถูกโพสต์ลงในเพจของสโมสรนั้นมีความจริงจังอย่างมาก เพราะเขาลงรายละเอียดแบบเก็บทุกเม็ดเลยทีเดียว นอกจากนี้ "ตอง" ยังเปรียบเสมือนเป็นพี่ใหญ่ที่คอยดูแลน้องๆทุกคน ไม่ต่างจากช่วงที่เขาเป็นดาวรุ่ง ที่มีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือเขาเฉกเช่นเดียวกัน
วันนี้เขากลับมาเป็นเสาหลักในแนวรับให้กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยความรักที่มีต่อทีมนี้อย่างมาก "ตอง" กล่าวว่า “เรายังอยู่ในสถานะนักเตะอยู่ อะไรคือสิ่งที่เราสามารถทำประโยชน์ได้มากที่สุดนั่นคือสิ่งสำคัญ นี่คือเป้าหมายของผมที่จะกลับมาลงเล่นให้ได้ ผมอยากช่วยทีมให้ได้มากที่สุด"
นี่คือเรื่องราวของชายคนหนึ่ง ที่น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ได้รับบาดเจ็บ และท้อแท้ในโชคชะตาที่จะกลับมาเล่นฟุตบอลที่ตัวเองรัก แม้ว่าจะร้างสนามไปนานกว่า 1 ปี 9 เดือน แต่เขากลับไม่เคยทิ้งความฝันเลย
จวบจนวันที่เขากลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เหมือนกับพล็อตเรื่องราวของผู้ชนะ เพราะสามารถเก็บ “คลีนชีต” ต่อหน้าแฟนบอลในสนามธันเดอร์โดม ได้อย่างสง่างาม สมกับการรอคอยของเจ้าตัว, ผู้บริหารสโมสร, ทีมงานสตาฟฟ์, รวมทั้งแฟนบอลทุกคนอีกด้วย
นี่แหละคือชัยชนะของผู้ที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
