กล่าวคือ แม้จะเป็นน้องใหม่ที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากศึกไทยลีก 3 แต่ในช่วงแรกของการเปิดฤดูกาล พวกเขาก็สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ได้อย่างน่าชื่นชม จนเคยมีช่วงเวลาที่ดีในการทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 8 ของตารางคะแนนมาแล้ว 

ทัพ "มังกรไฟ" มีหลายโมเม้นท์ที่น่าจดจำอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องการเสริมตัวผู้เล่น ที่แม้จะต้องแยกทางกับกุนซือผู้พาทีมเลื่อนชั้นอย่าง "โค้ชใหญ่" ใหญ่ นิลวงษ์ แต่สโมสรก็สามารถเซ็นสัญญากับผู้เล่นบิ๊กเนมเข้ามาได้หลายรายด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น คู่หูบราซิลอย่าง จาร์เดล คาปิสทราโน่ และ จูเนียร์ บาติสต้า ขณะที่ผู้เล่นไทยนั้น ก็มีทั้ง พงศ์พัทธ์ หลิวรุ่งเรืองกิจ และสุประวีณ์ มีประทัง

นอกจากนี้ยังเคยเป็นทีมที่มีผลงานการลงเล่นเป็นทีมเหย้าที่แข็งแกร่งมากๆ เพราะเคยไร้พ่ายติดต่อกันนานถึง 6 นัด รวมถึงเคยชนะสโมสรที่ใหญ่กว่าและลุ้นเลื่อนชั้นอย่าง เชียงใหม่ เอฟซี มาแล้ว 

ทว่าช่วงเวลาฮันนีมูนดังกล่าวนั้นอยู่กับทีมได้ไม่นาน เพราะในช่วงใกล้จบเลกแรก ฟอร์มการเล่นก็เริ่มตกลง โดยมีทั้งการแพ้ทีมหนีตกชั้นอย่างคัสตอม ยูไนเต็ด 0-2 หรือการบุกไปแพ้เชียงใหม่ ยูไนเต็ด 0-2

ว่ากันว่าปัญหาหลักที่ทำให้ฟอร์มตกนั้น เกิดมาจากการขาดสภาพคล่องทางการเงินของสโมสรนี่แหละ จะเห็นได้ว่าทีมต้องปล่อยผู้เล่นหลักหลายรายออกไปให้กับคู่แข่ง อนาวิน จูจีน, จูเนียร์ บาติสต้า จาร์เดล คาปิสทราโน่ สามคนนี้ไปหนองบัว พิชญ พงศ์พัทธ์ หลิวรุ่งเรืองกิจ ไปกระบี่ สุประวีณ์ มีประทัง ไปลำปาง 

โดยล่าสุดเพจสโมสรได้มีการแจ้งแฟนบอลว่าเตรียมยื่นเปลี่ยนชื่อสโมสรเหลือเพียงแค่ กาญจนบุรี เอฟซี เพราะทีมได้หมดสัญญาสปอนเซอร์จากบริษัท ดราก้อน โซลาร์ รวมถึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตามข้อตกลงที่ทำกันไว้ เพียงเท่านี้ก็น่าจะบอกถึงสถานการณ์การเงินของสโมสรได้เป็นอย่างดี

แม้จะแก้ปัญหาด้วยการเสริมทัพนักเตะใหม่เข้ามาแทนที่ แต่ต้องบอกว่าคุณภาพนั้นแทบจะเทียบกันไม่ติด เพราะตัวผู้เล่นในเลก 2 นั้น จะออกไปทางเกรดบีและซีเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผลการแข่งขันของพวกเขาลุ่มๆ ดอนๆ และสุ่มเสี่ยงเหลือเกินในการตกลงไปอยู่ในพื้นที่สีแดง

การพ่ายแพ้ 3 นัดติดให้กับ ชัยนาท ฮอร์นบิล ,พัทยา ยูไนเต็ด และเกษตรศาสตร์ เอฟซี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งในสโมสร เพราะดักลาส คาร์โดโซ่ เฮดโค้ชชาวบราซิล ประกาศแยกทางกับทีมทันทีเพื่อรับผิดชอบต่อผลงาน ซึ่งในระหว่างที่กำลังติดต่อกับโค้ชคนใหม่นั้น ทีมก็ยังอยู่ในอาการโคม่าอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องโดนหนองบัว พิชญ บุกมาถล่มถึง 5-1 

แต่เหมือนมีฟ้าหลังฝนมาชะโลมหัวใจ เพราะหลังจบเกมดังกล่าว สโมสรก็ได้ประกาศแต่งตั้งคนคุ้นเคยอย่าง "คสช" สมชาย มากมูล เข้ามาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมอย่างเป็นทางการ... 

จริงๆ แล้ว "โค้ชชาย" ไม่ได้เคยคุมดีพี กาญจนบุรี โดยตรง แต่เคยมาโชว์ฝีมือไว้สมัยคุมเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด เมื่อสองฤดูกาลก่อน ซึ่งผลงานที่เจ้าตัวฝากไว้นั้นก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ (จากหนีตกชั้นพาทีมมีลุ้นเพลย์ออฟจนถึงนัดสุดท้าย) จึงไม่แปลกถ้าแฟนๆ จะคุ้นเคยและแฮปปี้กับกุนซือรายนี้ เพราะเขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนนั่นเอง

ที่น่าทึ่งคือ แม้จะมีเวลาเพียงแค่ 5 วัน จากเกมกับหนองบัว พิชญ จนถึงวันเยือนสมุทรปราการ ซิตี้ แต่ "คสช" ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เมื่อพาดีพี กาญจนบุรี เอฟซี บุกไปชนะสมุทรปราการ ซิตี้ ได้ถึงถิ่นด้วยสกอร์ 1-0 เรียกว่าเป็นการเปิดตัวได้อย่างสวยงามจริงๆ

แค่นั้นยังไม่พอ เพราะในนัดต่อมา เจ้าตัวก็พึ่งสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงด้วยการพาทีมเปิดบ้านเฉือนลำปาง เอฟซี ไปด้วยสกอร์เดียวกัน คว้า 3 คะแนนได้ 2 นัดติดแบบน่าชื่นชม จากทีมที่แฟนๆ ต่างถอนหายใจ เปลี่ยนเป็นทีมที่มีชีวิตชีวาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ปัจจุบัน ทัพ "มังกรไฟ" มีเพิ่มเป็น 31 คะแนน จาก 26 นัด ตามหลังพื้นที่เพลย์ออฟอยู่ 11 แต้ม ในขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 8 เกมสุดท้าย ดูแล้วสถานการณ์แอบคล้ายกับตอนเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด อยู่เหมือนกัน

ย้อนไปในปี 2021-2022 "โค้ชชาย" พาเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด จบอันดับ 7 ของตารางคะแนน โดยมีแต้มตามหลังอันดับ 6 เพียงแค่ 2 คะแนน พลาดการเพลย์ออฟอย่างน่าเสียดาย นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่เจ้าตัวจะได้แก้มือจากคราวนั้น 

8 นัดสุดท้าย หรืออีก 720 นาทีต่อจากนี้ของแฟนๆ กาญจนบุรี บอกเลยว่ามีอะไรให้น่าติดตามเหลือเกิน อาจจะดูยากไปสักนิด แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเคยทำได้ใกล้เคียงมาก่อนแล้ว

ยินดีต้อนรับการกลับมาของ "คสช" อีกครั้ง และขอให้คราวนี้สมหวังในตอนจบนะ