ลาปอร์ต้า เห็น เรอัล มาดริด ปรับปรุงสนามเหย้า ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ให้ทันสมัยแล้วเกิดข้อเปรียบเทียบกับบ้านของ ‘บาร์ซ่า’ ที่เก่าคร่ำคร่าแม้จุคนได้มากกว่าที่ 99,000 คน 

ดังนั้นจึงเตรียมขอความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมสมาชิกสโมสร เพื่ออนุมัติกู้เงิน 1.5 พันล้านยูโร มาปรับปรุงสนามเหย้า ทั้งช่วยพยุงสภาพคล่ององค์กร

กรอบเวลาในการแปลงโฉมบ้านหลังเดิมอาจใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะสมบูรณ์ แต่ทีมจะโยกไปแข่งสนามอื่นไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้โครงสร้างหลักเรียบร้อยก่อน

“เราพิจารณาความเป็นไปได้ในแบบต่างๆ แต่ตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้สุดคือโยกเตะยัง โยฮัน ครัฟฟ์ สเตเดี้ยม” การเปิดปากกับ สถานีวิทยุ ‘กาตาลัน 1’

https://twitter.com/rac1/status/1446442751567056897

โยฮัน ครัฟฟ์ สเตเดี้ยม ปัจจุบันคือบ้านของทีมสตรี ‘บาร์ซ่า’ ต้องอยู่ในศูนย์ฝึกสโมสรที่ชานเมือง อย่างไรก็ตามด้วยความจุปัจจุบันรองรับแค่ 6,000 คน ลาปอร์ต้า จึงมีแผนเพิ่มความจุเป็น 50,000 คนหากทีมชายมาอาศัยแข่งชั่วคราว

อีกทางเลือกคือเล่นที่ มอนต์จูอิก สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสมบัติของสภาเมืองเคยใช้จัดพิธีเปิด โอลิมปิก ฤดูร้อน 1992 รวมถึงเคยเป็นรังเหย้าของ เอสปันญ่อล คู่อริอยู่หลายปี

แผนงานทั้งหลายของทีมต้องใช้เงิน ซึ่งทีมถังแตกอย่าง บาร์เซโลน่า ตั้งใจบากหน้าไปขอกู้ธนาคารเพื่อการลงทุน โกลด์แมน แซ็คส์ ด้วยยอด 1.5 พันล้านยูโร  โดยจำเป็นต้องชนะโหวตในที่ประชุมสมาชิกสโมสร

“สนามคัมป์ นู ใหม่คือรากฐานสำคัญเพื่อความอยู่รอดของสโมสร แล้วมันจะส่งผลโดยตรงสู่อนาคต” ลาปอร์ต้า ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสมัยสองเมื่อ มี.ค.กล่าวเสริม 

“ผลกระทบของมันระหว่างการปรับปรุงสนามจะเป็นการชี้เป็นชี้ตายของ บาร์เซโลน่า ดังนั้นหากดำเนินแล้วเสร็จ เราสามารถจะต่อกรกับคู่แข่งซึ่งทำสิ่งที่เราอยากทำลุล่วงไปแล้ว” 

มาดริด อาศัยช่วงวิกฤติโควิด-19 ระบาดห้ามแฟนบอลเข้าชมเกม ชิงปรับปรุงสนามเหย้าไปเมื่อซีซั่นก่อนจนแล้วเสร็จเกือบสมบูรณ์