ก่อนลงสนามเกมนี้ โบลิเวีย อยู่รองบ๊วยของกลุ่มมี 12 คะแนน ส่วน อุรุกวัย อยู่อันดับ 6 มี 16 คะแนน โดยทัพจอมโหดให้ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกจอมเก๋าเป็นสำรอง หน้าเป้าเลือกใช้ อากุสติน อัลวาเรซ มาร์ตีเนซ 

เจ้าถิ่นโบลิเวียออกนำก่อน 1-0 ในนาที 30 เมื่อ ฮวน การ์ลอส อาร์เซ่ ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนเปิดโด่งเข้าเขตโทษ บอลตกพื้นไม่มีใครเข้าชาร์จถึงก่อนเด้งชนเสาเข้าประตูไปดื้อๆ 

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก โบลิเวีย นำเพิ่มเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ ฮวน การ์ลอส อาร์เซ่ เปิดโด่งให้ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ขึ้นโขกเน้นๆ ส่งบอลผ่านมือ เฟร์นานโด มุสเลร่า เข้าไป

ครึ่งหลัง อุรุกวัย ต้องส่ง หลุยส์ ซัวเรซ ลงมาพลิกวิกฤต โดยลงแทน มาตีอัส เวซีโน่ 

โบลิเวีย มาได้จุดโทษในนาที 62 เมื่อ โจวานนี่ กอนซาเลซ ของอุรุกวัยไปทำฟาวล์ การ์เมโล่ อัลการานาซ ก่อนเป็น มาร์เซโล่ โมเรโน่ รับหน้าที่ยิง ทว่าซัดโด่งข้ามคานออกไปอย่างเสียของ 

อุรุกวัย เริ่มมีหวังเมื่อ โบลิเวีย เหลือผู้เล่น 10 ในนาที 74 การ์เมโล่ อัลการานาซ ไปทำฟาวล์ ดีเอโก้ โกดิน กองหลังจอมเก๋า ทำให้ได้ใบแดงไล่ออกไป 

ทว่า 10 คนของ โบลิเวีย กลับเป็นฝ่ายนำ 3-0 ในอีก 5 นาทีถัดมา ฟากุนโด้ เซาเซโด้ ได้บอลฝั่งขวาก่อนบรรจงเปิดเข้าหัว ฮวน การ์ลอส อาร์เซ่ ได้โขกเสียบใต้คานอย่างเด็ดขาด

ทำให้จบเกม โบลิเวีย เปิดรังชนะ อุรุกวัย 3-0 มีเพิ่มเป็น 15 คะแนน และตามหลัง อุรุกวัย ที่แพ้เป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน เพียงคะแนนเดียว โดยที่แข่ง 14 นัดเท่ากัน