:::     :::

"โค้ชเอ๋"แนะโต๊ะเล็กไทยน่าลองใช้โค้ชบราซิล

วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561
889
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

พัทยา เปี่ยมคุ้ม อดีตนักเตะและกุนซือทีมชาติ ชี้โต๊ะเล็กไทยกำลังอยู่ในวังวนของโค้ชสเปน ที่หมุนเวียนทำงานอยู่ในเอเชีย ซึ่งแต่ละคนรู้ไสู้้รู้พุงกันหมดแล้ว แนะหันไปใช้โค้ชชาติอื่นบ้าง หรือหากจะผลักดันโค้ชไทยเช่น "โค้ชหมี" ก็ต้องให้ชัดเจนว่าไม่ทับซ้อนกับการทำงานให้สโมสร

"โค้ชเอ๋" พัทยา เปี่ยมคุ้ม กุนซือสโมสร "กุ้งสายฟ้า" สุราษฎร์ธานี แห่งศึกไทยแลนด์ฟุตซอลลีก ซึ่งเป็นทั้งอดีตกุนซือทีมชาติไทย, ทีมชาติเวียดนาม และผู้เล่นทีมชาติไทย วิเคราะห์ผลงานของโต๊ะเล็กไทยหลังจบศึกชิงแชมป์เอเชียว่ากำลังยึดติดกับความสำเร็จในอดีตของ โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ ปูลปิส แต่ฟุตซอลในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว อีกทั้งกุนซือเชื้อสายสแปนิชหลายรายมาหมุนเวียนทำงานอยู่ในทวีปเอเชียไม่ว่าจะเป็น มิเกล โรดริโก้ ที่เคยคุมทีมชาติญี่ปุ่น, ไทย แล้วล่าสุดไปคุม เวียดนาม ขณะที่ บรูโน่ การ์เซีย ฟอร์โมโซ่ กุนซือญี่ปุ่นคนปัจจุบันก็โยกมาจากคุมเวียดนาม แม้กระทั่ง ปูลปิส ก็เพิ่งหวนกลับมาคุมทีมชาติไทยอีกครั้งหลังไปทำงานให้อุซเบกิสถาน ซึ่งมาทำงานในเอเชียด้วยการชักชวนแนะนำกันเอง และต่างคนต่างรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว

"โค้ชพวกนี้เขาเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เขาชักชวนกันมาทำงานในเอเชีย แล้วก็วนอยู่แค่นี้เขาก็มีสัญญาใจต่อกัน ถามหน่อยว่าเขาคุยอะไรกันเราจะรู้มั้ย พวกนี้เขารู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว อย่างปูลปิสเองข้อดีก็คือเป็นคนที่เก็บรายละเอียดเยอะมาก แต่ก่อนเขาจะออกแอคชั่นข้างสนามมากกว่านี้ ตอนนี้เขาอาจจะปรับลดลงให้เข้ากับวัฒนธรรมคนไทย แล้วเขาเป็นอดีตผู้รักษาประตูก็จะโดดเด่นในเรื่องเกมรับ แต่ตอนนี้เกมรับของไทยมีช่องโหว่เยอะมาก เพราะขาดผู้เล่นที่เป็นคีย์แมนในการเล่นรับ ผมว่าถ้าจะจ้างโค้ชต่างชาติก็น่าจะลองจากประเทศอื่นอย่างพวกบราซิล หรือ อาร์เจนติน่า ก็ได้ แต่ถ้าจะลองโค้ชไทยก็มีอยู่ไม่กี่คนที่น่าจะขึ้นมาได้ โค้ชหมี (รักษ์พล สายเนตรงาม) ถ้าจะดันขึ้นมาก็อยากให้เขาทำทีมชาติอย่างเดียว ไม่ต้องทำสโมสร เพราะไม่งั้นก็จะมีข้อครหาได้ว่าทับซ้อนกัน คือถ้าใครทำสโมสรก็ต้องแยกจากทีมชาติให้ชัดเจน" โค้ชเอ๋กล่าว

นอกจากนี้อดีตนักเตะทีมชาติไทยชุดลุยฟุตซอลโลก 2 สมัยยังกล่าวอีกว่า วิธีการเล่นของไทยถูกคู่ต่อสู้ศึกษาและอ่านทางออกหมดแล้ว โดยเฉพาะ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, กฤษดา วงษ์แก้ว และ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร 3 สตาร์ของทีม "ช้างศึก" ที่แค่จับบอลก็รู้แล้วว่าจะเล่นยังไงต่อไป และถูกจับตายได้ง่ายเพราะขุมกำลังชุดแรกกับชุดสองคุณภาพต่างกันเยอะ

"ช้าง, อาร์ม, เนิร์ส 3คนนี้ฟุตซอลทั่วโลกเขารู้ัจักหมดแล้ว เราบอกว่าเราศึกษาคู่ต่อสู้แล้วไม่คิดหรอว่าคู่ต่อสู้ก็ศึกษาเราเหมือนกัน เรามีอาวุธหลักอยู่แค่ 3 คนนี้แล้วตัวสำรองก็ยังไม่สามารถทดแทนได้เลย ถ้า 3 คนนี้เล่นไม่ได้ก็จบแล้วทีมไทย ทั้ง 3 คนก็ต้องเพิ่มความหลากหลายให้มากขึ้นด้วย ต้องมีไฟมีการพัฒนาตัวเอง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการแข่งขันภายในทีม ต้องมีเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมากดดันบ้าง ถ้าเราไม่ลองใช้เด็กพอหมดชุดนี้ก็ต้องมาตั้งต้นสร้างทีมกันใหม่อีก อย่างตอนซีเกมส์หรือชิงแชมป์อาเซียนเราประกาศว่าจะใช้ยู-23 แต่สุดท้าย ช้าง, อาร์ม เนิร์ส ก็ถูกเรียกไปติดโดยใช้คำว่าไปประคองรุ่นน้อง แล้วพอไปก็เป็นตัวหลักอีก แบบนี้เด็กรุ่นใหม่จะไปหาประสบการณ์จากที่ไหนกัน" โค้ชเอ๋ร่ายยาว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด