ที่ เอสตาดิโอ ซาน มาเมส ผ่านไป 2 นาที เจ้าบ้านออกนำ 1-0 นีโก วิลเลียมส์ ใช้ความเร็วหนี จอร์ดี้ อัลบา ก่อนจะตบมาให้ อีเกร์ มูเนียอิน ซัดด้วยขวาที่เสาไกลไม่เหลือซาก

แต่นาทีที่ 20 บาร์เซโลน่า ตีเสมอ 1-1 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ผ่านมาให้ เฟร์ราน ตอร์เรส กดด้วยขวาส่งบอลเสียบตาข่ายแบบหมดจด

นาทีที่ 26 แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองในจังหวะ ออสการ์ เด มาร์กอส เก็บตกในกรอบเขตโทษแต่ดันยิงข้ามคาน

ทีมจากแคว้นบาสก์ลุยมาใหม่ จากคู่เดิม นีโก วิลเลียมส์ เปิดมาให้ อีเกร์ มูเนียอิน ที่หนนี้โขกบอลเฉี่ยวคานไปนิดเดียว

ถัดมาในนาทีที่ 32 เจ้าบ้านมาใหม่ โดยคราวนี้เป็น นีโก วิลเลียมส์ ยิงเต็มเท้าทำเอา แทร์ ชเตเก้น ต้องออกแรงเซฟ 

นาทีที่ 45 แฟนบอลบิลเบารอเฮแล้วเมื่อทาง ดานี่ การ์เซีย เปิดมาให้ ราอูล การ์เซีย โขกเน้นๆ แต่ดันไปติดเซฟ แทร์ ชเตเก้น ที่ป้องกันได้เหลือเชื่อ

ก่อนที่ในนาที 52 เจ้าบ้านลุยมาใหม่ หนนี้ นีโก วิลเลียมส์ สับไกก็ยังไม่ผ่านการป้องกันของนานด่าน บาร์เซโลน่า

สกอร์เป็น 2-1 ในนาทีที่ 86 จากผลงานเก็บตกในกรอบเขตโทษของ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ ที่จัดการไม่พลาดให้แฟนบอลเฮลั่นสนาม แม้ว่าจะมี วีเออาร์ ตรวจสอบล้ำหน้า แต่ก็ยืนยันเป็นประตูหลังจากดูจังหวะ

อาซูลกราน่า ตายยากตามตีเสมอในช่วงทดเวลานาทีที่ 3 จากผลงานของ เปดรี้ ให้เกม 90 นาทีจบลงที่สกอร์ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

นาที 95 บาร์ซ่า เจอข่าวร้ายเพราะ อันซู ฟาตี บาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามพร้อมน้ำตา และนาทีถัดมา อินญากี้ วิลเลียมส์ กองหน้าเจ้าบ้านยิงชนเสา

บิลเบา ฟ้องเอาจุดโทษในนาที 104 ทางผู้ตัดสินได้สัญญาณจากวีเออาร์และไปตรวจสอบ ก่อนจะกลับมาให้จุดโทษเจ้าบ้านในจังหวะแฮนด์บอล ซึ่งเป็น อีเกร์ มูเนียอิน สังหารไม่พลาดพาทีมนำ 3-2

เล่นไปถึงนาที 107 เฟร์ราน ตอร์เรส ส่งบอลเข้าประตู แต่ไม่ได้เพราะมีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา

จบเกม แอธเลติก บิลเบา ชนะ บาร์เซโลน่า ช่วงต่อเวลา 3-2 เข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ