"โค้ชหระ" อิสระ ศรีทะโร ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2017 และชุดยู-23 ปีชิงแชมป์เอเชีย ที่เพิ่งพา "ปราสาทสายฟ้าจูเนียร์" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี "โค้ก คัพ 2017" มาครองได้สำเร็จ โดยในรายชื่อของโค้ชทีม "ช้างศึกจูเนียร์" ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เตรียมประกาศในเร็วๆ นี้นั้น ปรากฎชื่อของ "โค้ชหระ" ว่าอาจได้เข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ชในรุ่น ยู-19 ด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้ "โค้ชหระ" เปิดเผยกับ THSPORT ว่าโดยมารยาทยังต้องรอให้สมาคมประกาศอย่างเป็นทางการก่อน แต่หากได้รับความไว้วางใจก็มั่นใจว่าพร้อมทำหน้าที่ โดยระบุว่าในรุ่น 19 ปีนั้นไม่ถือเป็นบอลเด็กแล้ว เพราะหลายๆ คนก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นในระดับไทยลีก รวมถึงเป็นตัวหลักให้กับต้นสังกัดของตัวเอง ดังนั้นวิธีการฝึกซ้อมและเตรียมตัวจึงไม่ต่างจากระดับทีมชุดใหญ่ 

ส่วนผลงานของทีมชาติไทยชุด ยู-23 ที่ตกรอบแรกชิงแชมป์เอเชีย ขณะที่ เวียดนาม ก้าวไปถึงตำแหน่งรองแชมป์นั้น "โค้ชหระ" มองว่าเวียดนามชุดนี้มีการเตรียมทีมที่ดีมานานแล้ว ทว่าโดยภาพรวมแล้วมองว่าเด็กไทยยังเหนือกว่า แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามประสบความสำเร็จในรายการดังกล่าวเริ่มจากความมั่นใจที่เอาชนะไทยในศึก M-150 คัพ ถือเป็นการปลดล็อกและคู่ต่อสู้ในรายการชิงแชมป์เอเชียไม่ได้เอาผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดมาเพราะไม่ใช่รายการคัดไปโอลิมปิก และเวียดนามเป็นทีมที่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดทีมหนึ่งในทัวร์นาเม้นต์

"อาจจะเป็นด้วยสภาพความพร้อมของทีม ที่ไทยก็ขาดผู้เล่นไปหลายคนในเวลาที่จำกัด ขณะที่เวียดนามเขาเตรียมทีมกันมานานตั้งแต่ก่อนซีเกมส์ แต่ผมก็ยังมองว่านักเตะเวียดนามยังมีความยำเกรงไทยฝังอยู่ในสมอง ถึงตอนนี้ผมก็เชื่อว่ายังไม่ได้หายไป เขามามีความมั่นใจมากขึ้นตอนที่ชนะเราที่บุรีรัมย์ แล้วพอไปชิงแชมป์เอเชีย ทีมอื่นไม่ได้เน้นผลการแข่งขันมากนักเพราะเป็นรายการที่ไม่ได้ไปต่อ ทีมใหญ่ๆ แค่ทดลองระบบและตัวผู้เล่น ก็ต้องชื่นชมเวียดนามด้วยที่เขาทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ ทำให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ แต่หากต้องเจอกับไทยในรายการที่สำคัญ ผมยังเชื่อว่าเด็กไทยยังมีภาษีที่ดีกว่า" โค้ชหระกล่าว