สเปอร์ส จัดทัพเต็มที่ลงเล่นเอฟเอ คัพ ด้วยการส่ง แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน และ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ลงเล่นร่วมกันในเกมรุก ส่วนเจ้าถิ่น โบโร่ มี อันดราซ สโปราร์ ดาวซัลโวของทีมเป็นความหวัง

เกมในช่วงยี่สิบนาทีแรก ทั้งสองทีมแทบไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูกัน โดยต้องรอจนถึงนาที 26 ที่เจ้าถิ่น มิดเดิลสโบรช์ มีโอกาสจากการยิงในเขตโทษของ อันดราซ สโปราร์ แต่ว่าบอลติดบล็อก

จากนั้นนาที 39 สเปอร์ส มีโอกาสจากเกมโต้กลับ เดยัน คูลูเซฟสกี้ จ่ายบอลให้ แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ ยิงด้วยขวาจากระยะไกล แต่ว่าบอลไม่เข้ากรอบ ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 

  ครึ่งหลังนาที 55 มิดเดิลสโบรช์ มีโอกาสลุ้นจากเตะมุมที่ แม็ตต์ ครู๊กส์ ลอยตัวโขกโล่งๆ แต่ว่ากดบอลไม่ลง บอลจึงโด่งข้ามคานออกหลังไป

สเปอร์ส ได้ลุ้นจากการยิงไกลของ เอริค ดายเออร์ ที่บอลกำลังจะเสียบสามเหลี่ยม แต่ โจ ลัมลี่ย์ พุ่งเซฟได้หวุดหวิดและจากจังหวะเตะมุม เบน เดวิส โหม่งเช็ดให้ แฮร์รี่ เคน ยิงตามน้ำจ่อๆ เข้าไป ทว่าจังหวะนี้ถูกจับล้ำหน้าเสียก่อน

ท้ายเกมเจ้าถิ่นโบโร่มีโอกาสในนาที 88 จากจังหวะเตะมุมที่ จอนนี่ ฮาวสัน ได้โหม่งเสาไกล แต่ว่าขวิดบอลหลุดเสาออกหลังไปอีก จากนั้นจบเกมเสมอ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ในช่วงต่อเวลานาที 107 เป็นทาง มิดเดิลสโบรช์ ที่ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ แม็ตต์ ครู๊กส์ ไหลบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ จอช โคเบิร์น จับแล้วกดเต็มหลังเท้าส่งบอลพุ่งหนีมือ โยริส เข้าไปอย่างเฉียบขาด

ช่วงเวลาที่เหลือ สเปอร์ส ไม่สามารถตามตีเสมอได้ทำให้จบเกมเป็น มิดเดิลสโบรช์ ที่เอาชนะไปได้ 1-0 ในช่วงต่อเวลา ทำให้ผ่านเข้ารอบสำเร็จ