มิดฟิลด์วัย 25 ปี ขยับขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยชว์ฟอร์มกับสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยม กระทั่งได้รับโอกาสติดทัพช้างศึก ชุดใหญ่หนแรก หลังถูก มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เรียกติดทีมชุดอุ่นฟีฟ่า เดย์ มีนาคม และถูกส่งลงสนามเป็น 11 คนแรก ทันทีในเกมกับ เนปาล พร้อมเบิกสกอร์แรกของตัวเองช่วยทีมเปิดบ้านอุ่นชนะคู่แข่ง 2-0 พ่วงรางวัล Man of The Match ไปครอง

“ผมรู้สึกดีใจที่ทำประตูได้ เพราะนอกจากจะเป็นประตูแรกในนามทีมชาติไทยชุดใหญ่ นี่คือครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ด้วย”

“ผมรู้สึกดีใจที่สามารถทำประตูในเกมแรกก็หวังว่า จะสามารถต่อยอดความมั่นใจ และโอกาสในการเข้ามามีส่วนร่วมในทีมชาติไทยชุดใหญ่ต่อไป”

“ก่อนหน้านี้ผมเคยคุยกับมาโน่มานานแล้วตั้งแต่สมัยออลสตาร์ ที่เขาเคยเรียกมา เขาก็อยากให้เราเป็นตัวเองเวลาอยู่ในสนาม พยายามให้เรามั่นใจเพื่อลงไปเล่นเป็นตัวเองมากที่สุดเวลาอยู่ในสนาม ผมคิดว่า ได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”

“ส่วนตัวพอใจมากๆ กับหนึ่งประตูที่เกิดขึ้นในเกมแรกกับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ของผมก็หวังจะพัฒนาตัวเองต่อไปให้ดียิ่งขึ้นได้”

ดาวเตะช้างศึก กล่าวเพิ่มเติมถึงเกมกับ เนปาล ที่สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้บ่อยครั้งตลอดทั้งเกมว่า “ทุกคนทำเต็มที่พยายามทำตามรูปแบบที่โค้ชมาโน่ต้องการที่พยายามสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำ ด้วยเวลาซ้อมเราน้อยด้วย ความเข้าใจกันก็ยังต้องค่อยๆ ปรับกันไป และพอมาเจอเกมกับ เนปาล ซึ่งเป็นเกมที่อึดอัด เราสร้างโอกาสได้ แต่ประตูมาช้าเลยทำให้รูปเกมมันอึดอัด และกดดันนักเตะในสนามเองด้วย”

“ก็เสียดายครับที่เราทำไม่ได้มากกว่านี้ แต่มันเป็นจังหวะฟุตบอล บางทีทุกคนอยากทำประตูได้ แต่เมื่อทำไม่ได้ยัง 0-0 จนเรามาได้ประตู 1-0 ทำให้เกมมันเปิดมากขึ้น และมีโอกาสในการทำประตูเพิ่มมากขึ้น”

“นักเตะทุกคนมีความคาดหวังต้องการชัยชนะอยู่แล้ว ทุกคนจะทำให้เต็มที่ก็เหลือเวลาซ้อมอีก 2 วัน เราก็ต้องมาดูในเรื่องของแทคติก และดูรูปแบบการเล่นของคู่ต่อสู้ด้วยว่า เราจะมีวิธีเล่นหรือรับมืออย่างไรก็ต้องดูว่า โค้ชจะวางแผนอย่างไรในเกมต่อไป” เชาว์วัตน์ กล่าวทิ้งท้าย