เกมที่สนามอัลแบร์โต้ ปิคโค อินเตอร์ มิลาน ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน นาทีที่ 19 ได้ลุ้น เมื่อ ฮาคาน ชาลาโนกลู เปิดเตะมุมไปให้ เดนเซล ดุมฟรีส์ โหม่งหลุดกรอบออกไป

นาทีถัดมา ฮาคาน ชาลาโนกลู มิดฟิลด์ทีมเยือนพาบอลขึ้นมาก่อนตะบันระยะราว 25 หลา แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 31 งูใหญ่ มาขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ มาร์เซโล่ โบรโซวิช ยกบอลเข้าเขตโทษให้ ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ โหม่งตั้งให้ โบรโซวิช วิ่งทะลุเข้าเขตโทษมาซัดด้วยซ้ายตุงตาข่ายไม่เหลือ

ช่วงท้ายครึ่งแรก อินเตอร์ มีโอกาสลุ้นจากทั้ง เอดิน เชโก้ และ เดนเซล ดุมฟรีส์ แต่ก็ยังส่งบอลซุกก้นตาข่ายเพิ่มไม่ได้

ครึ่งหลัง งูใหญ่ ก็ยังทำได้ดีกว่า นาทีที่ 69 อีวาน เปริซิช เปิดบอลจากกราบซ้ายโค้งมาเสาไกลถึง ดุมฟรีส์ ได้สอดมายิงโล่งๆ แต่ดันโดนเหลี่ยมไม่ดีข้ามคานไปเหลือเชื่อ

นาทีที่ 71 อินเตอร์ ก็ยังได้ลุ้นต่อ นิโกโล่ บาเรลล่า ดีดเข้าเขตโทษไปให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ จับด้วยขวาก่อนพลิกตัวยิงด้วยซ้ายไปติดบล็อคออกหลังไป

แต่อีก 2 นาทีถัดมา ทีมเยือนก็หนีห่าง 2-0 เมื่อ เปริซิช ล็อกบอลที่กราบซ้ายก่อนเปิดด้วยขวายัดเข้าเขตโทษให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ดีดแบบไม่จับเปลี่ยนทางบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเหนือชั้น

แต่ สเปเซีย ก็ไม่ยอมง่ายๆ ไล่ตามมา 1-2 ในนาทีที่ 88 เมื่อ จูลิโอ มาจจอเร่ ได้ยิงด้วยขวาระยะราว 20 หลาผ่านมือ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปเลย

ทว่า งูใหญ่ ก็มาตอกฝาโลง จากจังหวะที่ เลาตาโร่ ทะลุไปทางขวาก่อนเปิดเรียดเข้าเขตโทษให้ อเล็กซิส ซานเชซ ตัวสำรองได้หลุดมายิงโล่งๆ ตุงตาข่าย จบเกม อินเตอร์ มิลาน บุกชนะ สเปเซีย 3-1 แซงหน้า เอซี มิลาน 1 แต้ม ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงชั่วคราว โดยที่ มิลาน นั้นแข่งกับ เจนัว ในคู่ต่อจากนี้