:::     :::

หงส์แม่นเป้าดับสิงห์ซิวแชมป์เอฟเอคัพ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565
883
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ เมื่อเอาชนะ เชลซี ในช่วงดวลจุดโทษ หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ

รอบชิงชนะเลิศ

เชลซี 0 - ลิเวอร์พูล 0

(ต่อเวลาพิเศษเสมอ 0-0, ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ 6-5)

 สนาม : เวมบลีย์

เปิดเกมมาแค่ 5 นาทีแรก เป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ทักทายก่อน จากการเติมเกมขึ้นมาของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนจะเปิดเข้าไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้โขกแต่ว่าก็ยังโด่งข้ามคานออกไป

อีก 3 นาทีต่อมา หงส์แดง น่าได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดีดไซด์ก้อยให้ ดิอาซ หลุดเดี่ยวเข้าไปแปด้วยขวาจ่อๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ทาง เมนดี้ ก็ยังใช้ขวาเซฟไว้ได้ ก่อนที่ ชาโลบาห์ จะสกัดออกมาเข้าทาง เกอิต้า วิ่งมาซัดด้วยขวาดาบสอง แต่บอลก็ยังหลุดกรอบออกไป

ต่อมานาที 23 เชลซี เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะวางบอลยาวมา เมาน์ท เล่นชิ่งกับ เจมส์ ก่อนจะเป็น เมาน์ท ที่ปาดเข้าในมาให้ พูลิซิช โฉบมาแปด้วยขวาแต่บอลมันหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว 

อีก 5 นาทีต่อมา สิงห์บลูส์ มีโอกาสอีกครั้งในจังหวะที่ พูลิซิช ได้บอลตรงกลางสนามก่อนจะเลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษ แล้วแทงออกไปให้ อลอนโซ่ ที่เติมขึ้นจับบอลแรกไม่ดีแต่ยังตามมาแปด้วยซ้ายได้ ทว่า อาลีสซง ก็ออกมาปิดมุมไวเซฟช่วยทีมไว้ได้เหมือนกัน 

แต่นาที 33 ลิเวอร์พูล เจอข้าวร้ายหลังต้องมาเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกตัวเก่งของทีม ที่มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ดีโอโก้ โชต้า ลงมาทำหน้าที่แทน 

เกมดำเนินมาถึงท้ายครึ่งแรกนาที 45 หงส์แดง ที่มีโอกาสอีกครั้ง จากจังหวะที่ออกบอลไปทางซ้ายให้ โรเบิร์ตสัน ครอสเข้ามาให้ ดีโอโก้ โชต้า โฉบมาสะกิดด้วยขวา แต่บอลก็ยังโด่งข้ามคานออกไป

หมดครึ่งแรก เชลซี ยังเสมอกับ ลิเวอร์พูล อยู่ 0-0

กลับมาต่อเกมครึ่งหลังเริ่มมาแค่นาทีเดียว เชลซี พลาดได้ประตูขึ้นนำ ในจังหวะที่ พูลิซิช ได้ครอสไปที่เสาสองให้ อลอนโซ่ พักอกแล้วตวัดยิงด้วยซ้าย แต่บอลก็ยังหลุดเสาสองออกไป

อีก 2 นาทีต่อมา สิงห์บลูส์ มีลุ้นอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกมุมขวา ที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ได้ปั่นด้วยซ้าย บอลผ่านมือ อาลีสซง ไปแล้ว แต่โชคไม่ดีที่บอลไปชนคานเหลี่ยมนอกกระเด้งออกมา 

ต่อมานาที 53 เป็นหงส์แดง ที่มีลุ้นเหมือนกันในจังหวะที่ โชต้า เลี้ยงจี้เข้ามาก่อนจะจ่ายต่อไปให้ ดิอาซ บังบอลก่อนจะพลิกเข้าขวาแล้วยิงหักข้อ แต่บอลก็ยังหลุดเสาแรกออกไป

ในนาที 60 ลิเวอร์พูล มีโอกาสอีกครั้งในจังหวะ เกอิต้า รับบอลจาก มาเน่ ก่อนจะจ่ายออกขวาไปให้ โชต้า แต่งหนึ่งจังหวะแล้วกดด้วยขวา แต่บอลก็ยังหลุดเสาไกลออกไป

อีก 8 นาทีต่อมา เป็น เชลซี ที่มีลุ้นคืนจากจังหวะที่ เจมส์ ตามเก็บบอลได้ที่เสาสองก่อนจะจ่ายย้อนมาให้ พูลิซิช วิ่งมาปั่นด้วยขวา แต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบ 

ช่วงท้ายครึ่งหลังนาที 83 หงส์แดง เกือบได้ลูกขึ้นนำในจังหวะที่ มาเน่ เล่นกับ โชต้า ก่อนจะเป็น มาเน่ ที่ไหลต่อไปให้ ดิอาซ ทางขวาได้กดเต็มข้อ แต่บอลก็ยังไปชนเสาเหลี่ยมนอกออก

อีก 1 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่ ดิอาซ โยนข้ามไปให้ เจมส์ มิลเนอร์ ตัวสำรอง ครอสมาที่เสาสองให้ โรเบิร์ตสัน แปโล่งๆ แต่ก็ยังไปชนเสากระเด้งออกมา 

นาทีท้าย หงส์แดง มีโอกาสอีกครั้ง จากจังหวะที่ ดิอาซ กระชากมาตั้งแต่กลางสนามก่อนจะล็อกเข้าในแล้วปั่นด้วยขวา แต่บอลก็ยังเฉียดเสาออกหลังไป

จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องไปลุ้นช่วงต่อเวลาพิเศษต่อ

ต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ถอด เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เหมือนมีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง โฌแอล มาติป ลงมาเล่นแทน 

นาที 99 เป็น เชลซี ที่มีโอกาสก่อนในจังหวะที่ เจมส์ โยนข้ามมาให้ เมาน์ท เอาบอลลงก่อนจะเลี้ยงตัดเข้าในแล้วปั่นด้วยขวา แต่บอลก็ยังโด่งข้ามคานออกไป

ต่อมานาที 103 สิงห์บลูส์ มีลุ้นอีกรอบจากลูกเตะมุมที่ อลอนโซ่ เปิดมาที่เสาแรกให้ ติอาโก้ ซิลวา โขก แต่บอลก็ยังโด่งหลุดกรอบไป

จบช่วงต่อเวลาครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 

ช่วงต่อเวลาครึ่งหลังทั้งสองทีม ก็ยังไม่มีทีมไหนที่สามารถเจาะเกมรับฝั่งตรงข้ามได้ ทำให้สุดท้ายเสมอกันไป 120 นาที 0-0 ต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงดวลจุดโทษ 

เข้าสู่การดวลลูกโทษตัดสิน เป็น เชลซี ที่ได้ยิงก่อนคนแรกเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ ซัดเข้าไปไม่พลาดช่วยให้นำก่อน 1-0 ส่วนคนแรกฝั่ง ลิเวอร์พูล เป็น เจมส์ มิลเนอร์ ยิงไม่พลาดเช่นกัน สกอร์เป็น 1-1

คนที่สองเชลซี เป็น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ซัดไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกทำให้สกอร์ยังอยู่่ที่ 1-1 ส่วนฝั่ง ลิเวอร์พูล เป็น ติอาโก้ อัลกันตาร่า ซัดไม่พลาด กลายเป็น ลิเวอร์พูลนำก่อน 2-1 

คนที่สามของ เชลซี ส่ง รีซ เจมส์ มาสังหารก่อนจะซัดไม่พลาด ช่วยให้ เชลซี ตามตีเสมอเป็น 2-2 ส่วนคนที่สามของ ลิเวอร์พูล เป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซัดไม่พลาด หงส์แดง ขึ้นนำเป็น 3-2 

คนที่สี่ เชลซี ให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์  มาสังหาารแล้วก็ซัดเข้าไปไม่เหลือ สิงห์บลูส์ ไล่ตีเสมอเป็น 3-3 ส่วนฝั่ง ลิเวอร์พูล ส่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มายิงแล้วก็ซัดเข้าไป ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 4-3 

คนที่ห้าของ เชลซี เป็น จอร์จินโญ่ รับหน้าที่สังหารวิ่งเข้ามาซัดไม่พลาด เชลซี ตามตีเสมอเป็น 4-4 ส่วนคนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล เป็น ซาดิโอ มาเน่ รับหน้าที่สังหารแต่กลับยิงไปติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้ ทำให้ เชลซี ยังไม่แพ้ สกอร์เสมออยู่ 4-4 

คนที่หกของ เชลซี เป็น ฮาคิม ซิเย็ค ซัดด้วยซ้ายเสียบมุมไม่พลาด กลายเป็น เชลซี ออกนำแทน 5-4 ส่วนฝั่ง หงส์แดง ส่ง ดีโอโก้ โชต้า มาสังหารซัดด้วยขวาไม่เหลือ สกอร์เสมออยู่ที่ 5-5 

คนที่เจ็ดของ เชลซี เป็น เมสัน เมาน์ท รับหน้าที่ แต่กลายเป็นยิงไปติดเซฟ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ทำให้สกอร์ยังอยู่ที่ 5-5 ส่วน หงส์แดง ให้ คอสตาส ซิมิกาส มายิงก่อนจะยิงเข้าไปไม่พลาด กลายเป็น ลิเวอร์พูล ชนะลูกโทษ เชลซี ไป 6-5 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี : เอดูอาร์ เมนดี้ - เทรโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ - เมสัน เมาน์ท, คริสเตียน พูลิซิช - โรเมลู ลูกากู

ลิเวอร์พูล : อาลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ

ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})