เกมเพลย์ออฟฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม เล่นมาได้ 12 นาที ยูเครน น่าเฮก่อน เมื่อ อิลลิยา ซาบาร์นี่ จ่ายทะลุให้ โรมัน ยาเรมชุค ได้หลุดไปยิง แต่ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ปัดไว้ได้ ก่อนที่จะตามมาตะครุบติดมือ

ยูเครน เล่นได้วูบวาบกว่า นาทีที่ 30 โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ได้ยิงไกลด้วยซ้าย แต่ เฮนเนสซี่ย์ ก็ยังปัดออกหลังไปได้

กระทั่งนาทีที่ 34 เวลส์ มาออกนำ 1-0 จากฟรีคิกทางกราบซ้าย แกเร็ธ เบล โยนเข้ากลาง อังเดร ยาร์โมเลนโก้ โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป

นาทีที่ 40 ยูเครน เกือบตีเสมอได้ ซินเชนโก้ ได้ยิงไกลอีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่ผ่านมือ เฮนเนสซี่ย์ เหมือนเดิม หมดครึ่งแรก เวลส์ นำ 1-0

ครึ่งหลัง เวลส์ เกือบหนีห่าง เมื่อ แดน เจมส์ จ่ายให้ คีฟเฟอร์ มัวร์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วปาดเข้ากลางให้ อารอน แรมซี่ย์ ได้วางเท้าแปเหน่งๆ แต่ดันยิงหลุดกรอบอย่างน่าผิดหวัง

ยูเครน เดินหน้าบุกเพื่อทวงประตูคืน วิคเตอร์ ซีกานคอฟ ยิงด้วยขวา แต่ก็ยังติดเซฟ เฮนเนสซี่ย์

นาทีที่ 75 เวลส์ เกือบได้เพิ่มอีกครั้ง เมื่อ คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ จ่ายไปให้ เบรนแนน จอห์นสัน ยิงไปชนเสา

ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ยูเครน บุกหนักเป็นพายุเลย วิตาลี่ มิโคเลนโก้ เปิดมาให้ อาร์เต็ม ดอฟบีค ได้โหม่งจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ เฮนเนสซี่ย์ ก็บินปัดได้สุดยอด

ช่วงเวลาที่เหลือ ทีมเยือนก็ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม เวลส์ เอาชนะ ยูเครน 1-0 คว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1958 โดยเข้าไปอยู่ร่วมกลุ่มกับ อังกฤษ, สหรัฐฯ และ อิหร่าน ในรอบสุดท้าย