เริ่มเกมมา 10 นาที เยอรมัน ออกนำเร็ว 1-0 จากจังหวะเปิดบอลของ ดาวิด เราม์ ที่ไปถึง โยชัว คิมมิช วิ่งสอดขึ้นมาได้ยิงโล่งๆ ผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าไป 

โอกาสอีกครั้งของเจ้าถิ่นเกิดขึ้นในนาที 39 จากจังหวะสวนกลับ ลีรอย ซาเน่ กระชากพาบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนไหลให้ ติโม แวร์เนอร์ กดด้วยขวาติดเซฟ ดอนนารุมมา

แต่ช่วงทดเจ็บ อินทรีเหล็ก ก็สยายปีกนำเป็น 2-0 จนได้ โยนาส ฮอฟมันน์ โดน อเลสซานโดร บาสโตนี ผลักล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที และเป็น อิลคาย กุนโดกัน สังหารไม่พลาด ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์นี้

ครึ่งหลังนาที 51 เยอรมัน นำเพิ่มเป็น 3-0 โยนาส ฮอฟมันน์ ลากบอลเข้ามาก่อนฝากให้ ดาวิด เราม์ เปิดมาหน้าประตู เลอันโดร สปินาซโซล่า สกัดบอลออกมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ วอลเลย์ด้วยขวาเข้าประตู  

เจ้าถิ่นนำเป็น 4-0 ในนาที 68 จากการทำชิ่งอย่างยอดเยี่ยมก่อนเป็น แซร์ช นาบรี้ ตัวสำรองสอดมาตบเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์​ ชาร์จจ่อ ๆ เข้าประตู  

นาทีถัดมา สกอร์ไหลเป็น 5-0 จานลุยจิ ดอนนารุมมา จ่ายบอลพลาดไปโดน นาบรี้ จิ้มบอลมาให้ แวร์เนอร์ ยิงเข้าไปง่ายๆ  ไม่เหลือซาก เป็นประตูที่สองของ แวร์เนอร์ ในเกมนี้ 

ทีมเยือนไม่ถอดใจมาตีไข่แตกได้ในนาที 78 เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก้ ยิงติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ จังหวะแรกปัดมาเข้าทาง วิลฟรีด ฌ็องโต้ ดาวรุ่งวัย 18 ปี ซ้ำจ่อๆ เข้าประตู  

ช่วงทดเจ็บ อิตาลี ได้อีกลูกจากเตะมุมที่ ดิ มาร์โก้ เปิดไปเสาแรกให้ อเลสซานโดร บาสโตนี่ โฉบยิงเข้าไป ทำให้จบเกม เยอรมัน เอาชนะ อิตาลี 5-2 ขึ้นไปอยู่รองแชมป์กลุ่ม