เริ่มเกมมาเพียง 15 นาทีแรก เชลซี เจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานเมื่อ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ กองกลางของทีมเดี้ยงจนเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนออกแล้วให้ มาเตโอ โควาซิช ลงสนามแทน  

อีก 10 นาทีถัดมา เชลซี มีโอกาสจะแจ้ง อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลจากขวาเข้ามาตรงกรอบ 6 หลา อาร์มันโด้ โบรย่า สอดมาโหม่งแต่พลาดไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด

เจ้าถิ่นมีเสียวเช่นกันในนาที 34 ที่ รูเบน ลอฟตัส ชีค โหม่งเคลียร์ฟรีคิกไม่ขาดเข้าทาง อีวาน โทนี่ย์  โหม่งเช็ดโดนบางๆ แต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ผวาปัดทันแบบหวุดหวิด

อีก 4 นาทีถัดมา เชลซี พลาดโอกาสแบบน่าเสียดายเมื่อ โบรย่า มีจังหวะวิ่งแข่งกับกองหลังเข้าเขตโทษแต่บอลพันแข้งพันขาเลยเสียจังหวะ ก่อนที่แนวรับ เบรนท์ฟอร์ด ลงมาทัน โบรย่า ไม่ยอมจ่ายพยายามหาทางไปเองสุดท้ายจ่ายยัดมาหน้าประตูแต่เพื่อนเล่นไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 50 กลับมาครึ่งหลังหวิดมีประตูนำให้ เบรนท์ฟอร์ด ด้วยลูกครอสจากทางขวา โรเยร์สเลฟ เปิดมาตรงหน้ากรอบ 6 หลา อัซปิลิกวยต้า โหม่งไม่โดนเข้าทาง เอ็มเบอโม่ ว่างๆคนเดียวโหม่งแต่ยังตรงตัว เกปา รับเอาไว้ได้

เกมของ เชลซี ไม่ดีขึ้นก็เลยต้องเปลี่ยนตัวทีเดียวสามคนเอา พูลิซิช ลงมาแทน มาร์ก กูกูเรย่า ทางซ้ายและให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาแทน โบรย่า รวมถึง ชุคเวเมก้า เสียบแทน เมสัน เมาท์

ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสอีก โดยเฉพาะนาที 82 ที่เป็นเจ้าถิ่นได้ลุ้นหลังบุกกลับด้วยบอลยาวถึงแดนหน้าก่อน  แชนดอน บั๊ปติสต์ จ่ายให้ โทนี่ย์ โฉบเข้าเขตโทษไปพยายามหนีจนหาช่องยิงแต่ เกปา มาปิดมุมได้อีก

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้น ทำให้จบเกม เชลซี ได้เพียงเสมอ เบรนท์ฟอร์ด 0-0 โดยเกมหน้าวันเสาร์เจองานหนักดวลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด