โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ 2 นักวิเคราะห์ บีที สปอร์ต ชื่นชม แมนฯ ซิตี้ เกมชปล.รอบก่อนรองฯ นัดแรก ที่ถล่ม บาเยิร์น มิวนิค 3-0 ว่าคือหนึ่งในฟอร์มขึ้นหิ้ง ซึ่งด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมเข้าปีที่ 7 พวกเขาคงรู้แล้วว่าหากอยากถึงแชมป์ต้องเล่นรับให้เป็นด้วย
ซิตี้ ได้สามประตูจาก โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ ขณะที่ยูนิตเกมรับทั้ง จอห์น สโตนส์, มานูเอล อาคานจี, รูเบน ดิอาส, เนธาน อาเก้ หรือนายด่าน เอแดร์ซอน โมราเอส ที่คอยสั่งการกระตุ้นพวกก็เนี้ยบเช่นกัน
ฐานะศิษย์เก่าสองสถาบันอย่าง ฮาร์กรีฟส์ ยกให้เกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม วานนี้คือกรณีศึกษาได้สำหรับ ‘เรือใบสีฟ้า’ ว่าสมดุลเกมรุก-เกมรับเป็นสิ่งสำคัญบนเวทีชิงแชมป์สโมสรยุโรป
“นี่คือวิธีการที่จะเอาแชมป์รายการนี้ เกมรับที่พวกเขาแสดงออกมาเมื่อคืนช่างต่างจาก ซิตี้ อันคุ้นตา - ไร้ที่ติ” ฮาร์กรีฟส์ ที่เล่นให้ บาเยิร์น ระหว่างปี 2000-2007 และ แมนฯ ซิตี้ 2011-12 กล่าว
“ผมคิดว่าคุณควรยกความดีความชอบแก่ เป๊ป”
“ความจริงคือพวกเขาสามารถเล่นเกมป้องกันแบบที่คุ้นเคยได้ แต่เวลานี้ระบบการเล่นของทีมพัฒนาจาก ‘ฟอลส์ 9’ ไปสู่การยัดกองกลางให้มากเพื่อสร้างสรรค์โอกาส”
“ทั้งนี้การมี อาคานจี กับ อาเก้ รักษาพื้นที่เกมรับด้านข้างนับว่าเข้าท่า เป๊ป ฉลาดในการหาวิธีแก้ปัญหา”
ด้าน เฟอร์ดินานด์ ก็ชมกองหลัง ซิตี้ ที่เอาอยู่เพราะทีแรกกังวลสถานการณ์ดวลตัว-ต่อ-ตัว จะโดนความเร็วเผา
“คิดว่าก่อนแข่งเราพูดถึงการคุกคามของ บาเยิร์น โดยเฉพาะด้านกว้างเมื่อมีผู้เล่นอย่าง คิงสเล่ย์ โกมัน หรือคนอื่นๆ แต่ อาคานจี กับ อาเก้ เก็บหมด” ดีตแชมป์ชปล. 2008 เสริม
https://twitter.com/btsportfootball/status/1645895119185297408
“ก็ห่วงตอนดวล 1-ต่อ-1 แต่ที่แสดงออกมาคือความแตกต่าง ทั้งสองคนนั้นเล่นเป็นสต็อปเปอร์ที่วิ่งเร็ว, เหลี่ยมดี, แกร่งกว่าสมัย ชูเอา กานเซโล่ หรือ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ อยู่ พวกเขาเปิดอิสระแก่พวกพ้องบนสนาม กองหลังผลงานสุดยอด”
“อาคานจี, อาเก้ โดดเด่น, ดิอาส ตามบล็อคได้หลายจังหวะ, จอห์น สโตนส์ สามารถขึ้นบอลเองจากแดนหลัง ผลงานที่แสดงออกมาเอื้อให้ทุกอย่างสมบูรณ์”
“เมื่อคืนได้เห็นกองหลัง แมนฯ ซิตี้ ขับเคลื่อนแบบนั้น มันไม่ต่างจากงานศิลป์บนฟลอร์หญ้า”
หนึ่งสถิติที่โดดเด่นคือของ อาเก้ เสียบสกัด 3 หน, ผ่านบอลสำเร็จ 36 จาก 41 ครั้ง, ดักบอล 1 หน, ชนะดวลโหม่ง 3 ครั้งและสกัดทิ้ง 6 หน
