อูร์ส ฟิสเชอร์ เทรนเนอร์วัย 57 ปียังคงได้โอกาสทำงานกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ต่อไป แม้จะทำผลงานย่ำแย่ต่อเนื่อง ล่าสุดตกรอบ 2 ของศึก เดเอฟเบ โพคาล หลังการปราชัยต่อ สตุ๊ตการ์ท 0-1 ตามรายงานจากบิลด์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

ฟิสเชอร์ สร้างประวัติศาสตร์กับสโมสรด้วยการนำ อูนิโอน เบอร์ลิน จบอันดับ 4 ของศึกบุนเดสลีกาเมื่อฤดูกาลที่แล้วพร้อมคว้าตั๋วมาเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในซีซั่นนี้ แต่ทีมของเทรนเนอร์วัย 57 ปีทำผลงานย่ำแย่แพ้จากการลงเล่นทุกรายการ 11 เกมติดต่อกัน หลังเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการคว้าชัยชนะจากการลงเล่นทุกรายการ 3 นัดแรก เขานำทีมกำชัยครั้งล่าสุดตั้งแต่เกมบุกชนะ ดาร์มสตัดท์ 4-1 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม

ปัจจุบัน อูนิโอน เบอร์ลิน เก็บ 6 คะแนนจากการลงเล่น 9 นัดอยู่อันดับ 15 เหนือโซนตกชั้นเพียง 2 แต้ม พวกเขายังปราชัยทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก ล่าสุดพ่ายต่อ สตุ๊ตการ์ท 0-1 ตกรอบ 2 ของรายการ เดเอฟเบ โพคาล 

อย่างไรก็ตาม ฟิสเชอร์ ยังคงได้รับการสนับสนุนจาก เดิร์ค ซิงเกลอร์ ประธานสโมสร อูนิโอน เบอร์ลิน ที่ทราบดีถึงสิ่งที่ ฟิสเชอร์ ทำให้สโมสรนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์เมื่อปี 2018 และมีส่วนช่วยต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นสู่เวทีบุนเดสลีกา

ฟิสเชอร์ ยังได้รับการหนุนหลังจากนักเตะเช่นเดียวกัน โดย คริสโตเฟอร์ ทริมเมิล กัปตันทีม อูนิโอน เบอร์ลิน กล่าวว่า 'อูร์ส ฟิสเชอร์ ควรเป็นโค้ชต่อไป ถ้าผมรู้สึกว่าโค้ชไม่ควรอยู่ในเคบินอีกต่อไป แต่นั่นไม่ใช่กรณีนี้เลย ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน แล้วเราจะออกจากที่นั่น อูร์ส ฟิสเชอร์ คือคนที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนั้น'

การเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ในช่วงนี้ยังไม่เหมาะกับสถานการณ์เช่นกัน เนื่องจาก อูนิโอน เบอร์ลิน มี 3 เกมสำคัญกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต, นาโปลี และ เลเวอร์คูเซ่น ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรคทีมชาติรอบเดือนพฤศจิกายน แต่ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็อาจมีการปรับเปลี่ยนหลังจากนั้น