มาซิโดเนียเหนือ ที่ตกรอบไปแล้วลงเล่นนัดสุดท้ายในบ้านตัวเองโดยที่ยังมีตัวหลักอย่าง เอลิฟ เอลมาส และ เอนิส บาร์ดี้ นำทัพ ส่วน อังกฤษ ที่เข้ารอบเป็นทีมแรกของกลุ่มดร็อป แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีมเป็นสำรองและเลือกให้ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ยืนหน้าเป้า

อังกฤษ น่าจะนำก่อนในนาที 14 จากจังหวะที่ แจ็ค กรีลิช เปิดบอลให้ เดแคลน ไรซ์ ลองส่องไกลด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่บอลพุ่งชนเสาอย่างน่าเสียดาย

ทว่ากลับเป็น มาซิโดเนียเหนือ ที่พลิกได้ประตูนำ 1-0 ในนาที 41 จากจุดโทษที่ ริโก้ ลูอิส ดาวรุ่งจาก แมนฯ ซิตี้ ทำฟาวล์ บอร์ยาน มิลอฟสกี้ และเป็น เอนิส บาร์ดี้ ยิงจังหวะแรกติดเซฟ แต่บอลเด้งเข้าทางได้ซ้ำดาบสองไม่พลาด

ช่วงทดเจ็บ อังกฤษ มีลุ้นสองจังหวะจาก บูคาโย่ ซาก้า ผ่านบอลให้ ริโก้ ลูอิส ยิงไกลหน้าเขตโทษ บอลเข้ากรอบ แต่ไม่แรงพอทำให้ สเตเล่ ดิมิตริเยฟสกี้ เซฟไม่อยาก และอีกจังหวะ ซาก้า จ่ายให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยิงหน้าเขตโทษเช่นกัน บอลพุ่งแรงกำลังจะเสียบใต้คานแต่ ดิมิตริเยฟสกี้ ปัดทิ้งได้เยี่ยม ทำให้จบครึ่งแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 

ครึ่งหลังนาที 47 อังกฤษ ส่งบอลตุงตาข่ายได้จากจังหวะที่ ซาก้า เลี้ยงแหวกผู้เล่นเจ้าถิ่น 3-4 ก่อนเปิดบอลจากซ้ายเลยไปเสาไกลให้ กรีลิช เข้าชาร์จจ่อๆ ไม่พลาด ทว่ามีการเช็กวีเออาร์ก่อนผู้ตัดสินชี้ขาดใหม่ว่าล้ำหน้าจึงไม่ได้ประตูตีเสมอ

อังกฤษ เปลี่ยนตัว แฮร์รี่ เคน ลงมาแทน วัตกิ้นส์ ในนาที 58 และเพียงจังหวะแรกที่เริ่มเล่นกันต่อในลูกเตะมุม อังกฤษ ก็ตามตีเสมอ 1-1 ฟิล โฟเด้น เปิดบอลโด่งเข้าเขตโทษ เคน สอดมาโขกสะบัด บอลแฉลบตัว ยานี่ อตานาซอฟ ก่อนเด้งเข้าเสาไกล

ท้ายเกม อังกฤษ เปลี่ยนสำรอง มาร์คัส แรชฟอร์ด, คาลวิน ฟิลลิปส์ และ โคล พาลเมอร์ ลงแทน แจ็ค กรีลิช, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ บูคาโย่ ซาก้า 

แต่ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเกิดขึ้นอีกทำให้จบเกม อังกฤษ ได้เพียงไล่ตีเสมอ มาซิโดเนียเหนือ 1-1