เรอัล มาดริด ที่ตามหลัง คีโรน่า คะแนนเดียว ส่ง จู๊ด เบลลิงแฮม, โรดรีโก้ โกเอส และ วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นสามประสานแนวรุก ส่วน อัลเมเรีย ทีมบ๊วยของตารางส่ง มาร์โก มิโลวาโนวิช เล่นหน้าเป้า 

เริ่มเกมมาเพียง 40 วินาที อัลเมเรีย ทำช็อกออกนำก่อน 1-0 จากการต่อบอลกันยอดเยี่ยม ลูกัส โรเบร์โตเน่ ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ ลาร์จี้ รามาซานี่ วิ่งสอดเข้าไปยิงด้วยขวาแบบไม่ต้องจับ บอลแฉลบขา เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ก่อนเข้าประตูไป

เรอัล มาดริด พยายามลุยเอาประตูตีเสมอและมีลุ้นในนาที 14 โทนี่ โครส เปิดบอลให้ โรดรีโก้ ยิงด้วยขวาในเขตโทษฝั่งซ้าย แต่บอลไม่ผ่านมือ หลุยส์ มักซิเมียโน่ 

เจ้าถิ่นมีโอกาสอีกครั้งในนาที 30 แฟร์กล็องด์ เมนดี้ เปิดบอลให้ โทนี่ โครส ตั้งป้อมซัดหน้าเขตโทษ แต่บอลไม่เข้ากรอบ 

ท้ายครึ่งแรกกลับเป็น อัลเมเรีย ที่หนีเป็น 2-0 นาโช่ เคลียร์บอลออกมาหน้าเขตโทษไม่ดีเข้าทาง เอ็ดการ์ กอนซาเลซ วอลเลย์ด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งเสียบใต้คานงามหยด เกปา ไม่สามารถป้องกันได้ 

ครึ่งหลังนาที 53 ราชันมีโอกาสลุ้นจาก ฟราน การ์เซีย เปิดบอลทางฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ โฆเซลู โขกโดนบางๆ จู๊ด เบลลิงแฮม พยายามแหย่เท้าจิ้มเสาไกล แต่เข้าไม่ถึง อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ก่อนชี้ขาดว่าบอลไปโดนมือ ไกกี้ แฟร์นานเดส ในจังหวะขึ้นเบียดกับ โฆเซลู ทำให้เป็นจุดโทษ จู๊ด เบลลิงแฮม รับหน้าที่ยิงเข้าไปตรงกลางดื้อๆ เปลี่ยนสกอร์เป็น 2-1 ในนาที 57

อัลเมเรีย ส่งบอลตุงตาข่ายได้ในนาที 61 จากการหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษของ เซร์คิโอ อาร์รีบาส แต่ผู้ตัดสินเช็กจังหวะก่อนหน้านั้นตรงกลางสนามที่ ดิออน โลปี ครองบอลมือไปฟาดหน้า จู๊ด เบลลิงแฮม จึงเป่าเป็นการฟาวล์ อัลเมเรีย พลาดประตูที่สามอย่างน่าเสียดาย

ผู้ตัดสินต้องเช็กจอวีเออาร์อีกครั้งในนาที 69 ในจังหวะที่ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ เปิดบอลจากขวาเข้าเขตโทษ วินิซิอุส เบียดกับผู้เล่นอัลเมเรียก่อนเอาหัวไหล่กึ่งๆ แขนท่อนบนกระแทกบอลลอยเข้าประตู ผู้ตัดสินเช็กว่าไม่ได้เป็นการแฮนด์บอลและยืนยันเป็นประตูของเจ้าถิ่นจึงทำให้สกอร์เป็น 2-2

ท้ายเกม เรอัล มาดริด บุกหนักและได้ลุ้นจะแจ้งในนาที 83 จากจังหวะตีลังกาฟาดบอลในเขตโทษของ จุ๊ด เบลลิงแฮม ที่หลุดเสาแบบได้เสียว