แผนการเล่น : 4-4-2

ประตู :  อนุรักษ์ ชมภูพฤกษ์ (อุบล ยูเอ็มที) 

ยิงไกลก็แล้วยิงใกล้ก็แล้ว บอมบ์โด่งก็ลองหมดทุกวิธี ทำยังไง เมืองทอง ก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือของ "เจ้าแฮค" ไปได้เลย แม้กระทั่งลูกจุดโทษของ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ก็ยังกินนายด่านวัยย่าง 30 ปีผู้นี้ไม่ได้ จนทำให้ทีม "เทพอินทรี" คว้า 1 แต้มจาก "กิเลนผยอง" ได้สำเร็จ

กองหลัง : อัดนาน โอราโฮวัช (พีที ประจวบ)

เกมบุกทั้งภาคพื้นดินและลูกกลางอากาศของ บางกอกกล๊าส ถูกสกัดกั้นเก็บกินโดยกองหลังชาวมอนเตเนโกร ได้ทั้งหมด เกมรุกของ บีจี ที่พยายามครอสจากด้านข้างหรือใช้ความเร็วเลี้ยงกินตัวแทบไม่ได้ผลเลยในเกมนี้ และทำให้ "ต่อพิฆาต" ยังคงแข็งแกร่งในรังสามอ่าวด้วยการคว้าชัยได้อีกครั้ง

กองหลัง : บรินเนอร์ เอ็นริเก้ (อุบล ยูเอ็มที)

ถูกส่งลงมาประกบติด ชาช่า หัวหอกของ เมืองทอง จนแทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน การรักษาคลีนชีตได้ในเกมนี้ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กองหลังเลือดแซมบ้ารายนี้ ที่เล่นเกมรับด้วยความแข็งแกร่งและสกัดบอลได้ถึงลูกถึงคน เก็บกวาดลูกบอมบ์โด่งของ "กิเลนผยอง" ได้อย่างอยู่หมัด

กองหลัง : คิม กยอง-มิน (ชลบุรี เอฟซี)

เล่นเกมรับได้อย่างมีชั้นเชิง แม้จะรักษาคลีนชีตไม่ได้แต่ก็มีจังหวะสกัดและอ่านทางบอลสวยๆ หลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นกองหลังเลือดโสมขาวรายนี้ยังเติมขึ้นไปโหม่งในจังหวะเตะมุมให้ทีมแซงขึ้นนำ 2-1 ช่วยให้โมเมนตัมของเกมเปลี่ยนและคลายความกดดันลงไปได้เยอะ

กองหลัง : จักพัน ไพรสุวรรณ (พัทยา ยูไนเต็ด)

ถึงจะไม่ได้รูปร่างสูงใหญ่ แต่ "เจ้านุ๊ก" ก็ปักหลักยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟให้ พัทยา ได้อย่างต่อเนื่องทั้งที่เริ่มต้นเล่นแบ็กขวามาก่อน และุถือว่ายืนระยะได้ดีในเกมนี้ แถมยังมีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะที่เจ้าตัวรับเหมาทุกอย่าง การบุกคว้าชัยเหนือ แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึงรังแบบพลิกล็อกในเกมนี้ ต้องยอมรับเลยว่าอดีตปราการหลัง จามจุรี ยูไนเต็ด รายนี้ จัดการความเร็วของแนวรุก "แข้งเทพ" ได้เป็นอย่างดีจนแทบไม่มีโอกาสได้ยิงจะๆ ในกรอบ 18 หลาเลย

กองกลาง : เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (ชลบุรี เอฟซี) 

รับบทตัวรุกอิสระทางริมเส้น วิ่งไปทั่วทั้งกราบซ้ายและขวาและมีส่วนร่วมกับเกมรุกตลอดเวลา นัดนี้โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดในสนามด้วยการเปิดไป 2 แอสซิสต์ให้ "ฉลามชล" กลับมาเรียกความมั่นใจด้วยการคว้า 3 แต้มในบ้านได้สำเร็จ

กองกลาง : วรนาถ ทองเครือ (พัทยา ยูไนเต็ด) 

การพา "โลมาสีน้ำเงิน" บุกชนะ "แข้งเทพ" ถึงถิ่นนี่ถือเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของ "เจ้าโก้" เลยทีเดียว เพราะมีจังหวะสร้างสรรค์เกมรุกสวยๆ หลายครั้งทั้งการกระชากลากเลื้อยกินตัวและมีโอกาสสับไกนอกกรอบเขตโทษชนิดได้ลุ้นอยู่ 2-3 ครั้ง และ 2 ประตูที่ทีมทำได้ก็มาจากการแอสซิสต์ของเขาทั้งหมด

กองกลาง : จักรพันธ์ แก้วพรม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

เกมแดนกลางนัดนี้ถูก "เจ้าโน๊ต" ควบคุมไว้ได้ทั้งหมด ทั้งการออกบอลสั้นยาวและเปลี่ยนจังหวะช้าเร็ว ทำให้เกมของ บุรีรัมย์ ดูไหลลื่นไปหมด และทั้ง 4 ประตูที่ "ปราสาทสายฟ้า" ยิงได้ในเกมนี้จุดเริ่มต้นก็มาจากเขาทั้งสิ้น 

กองกลาง : ปิยพล ผานิชกุล (สิงห์เชียงรายฯ) 

"เจ้าไดร์" ขยับขึ้นมาเล่นกองกลางอย่างต่อเนื่องและสามารถเล่นงานแนวรับของ สุพรรณ ได้ตลอดทั้งเกมด้วยความเร็วและความขยันที่เขามี พยายามลากบอลขึ้นไปในกรอบเขตโทษหลายครั้งจนกระทั่งมาเรียกจุดโทษให้ทีมได้สำเร็จในประตูขึ้นนำ 1-0 ก่อนจะจบเกมด้วยการคว้า 3 แต้มเหนือ สุพรรณบุรี

กองหน้า : ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

ทำแฮททริคที่สองของตัวเองในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ มีความเฉียบขาดในการจบสกอร์ที่แทบจะเป็นประตูทุกครั้งในเกมนี้ อันตรายทั้งยามเมื่อบอลอยู่ในเท้าคอยดึงตัวประกบให้เพื่อนร่วมทีมขยับขึ้นมาเติม และประสานงานกับผู้เล่นชาวไทยได้อย่างลงตัว ถือเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดในไทยลีก ณ เวลานี้แล้ว  

กองหน้า :  มาเธอุส อัลเวส (ชลบุรี เอฟซี)  

ก่อนหน้านี้ "ฉลามชล" ประสบปัญหาขาดกองหน้าตัวจบสกอร์ จนต้องไปยืม มาเธอุส มาจากซูวอน ในเกาหลีใต้ และก็ถือว่าไม่ทำให้ผิดหวังเพราะนัดนี้หัวหอกเลือดแซมบ้าโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำคนเดียว 2 ประตูจนช่วยให้ทีมพลิกแซงกลับมาเอาชนะเหนือ โปลิศ เทโร ได้ 3-1

เฮดโค้ช : สุรพงษ์ คงเทพ (พัทยา ยูไนเต็ด)

แม้ก่อนหน้านี้จะถูกแฟนบอล พัทยา บางส่วนออกมาโจมตีขับไล่จากผลงานที่ไม่สู้ดีนัก แต่ "โค้ชอั๋น" ก็ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว และให้ผลงานในสนามตอบคำถามของแฟนบอล การพาทีมบุกชนะ "แข้งเทพ" ถึงถิ่นถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ในสภาพที่ทีมเป็นรองทุกอย่าง แต่ "โค้ชอั๋น" ก็เลือกแท็กติกในเกมนี้ได้ดี ทั้งการวางเกมรับลึกและโต้กลับด้วยความเร็วของผู้เล่นเกมรุก ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ลูกทีมของเขาใช้โอกาสที่มีไม่กี่ครั้งเปลี่ยนให้เป็นประตูได้สำเร็จตามแผนที่วางเอาไว้