ไอวอรี่ โคสต์ ส่งแนวรุกตัวเก่งลงครบทั้ง วิลฟรีด ซาฮา, โชนาต็อง ค็อดเชีย และ มักซ์ กราเดล ขณะที่ นิโกล่าส์ เปเป้ เป็นเพียงสำรอง ส่วน แอลจีเรีย วาง ริยาด มาห์เรซ ปั้นเกมสนับสนุนหอกเป้าอย่าง แบ็กแดด บูเน็ดชาห์

แอลจีเรียเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ก่อนในนาที 20 เมื่อ เรมี่ เบนเซไบนี่ ได้บอลทางฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้าเขตโทษให้ โซฟียาน เฟกูลี่ วิ่งมายิงระยะ 12 หลาส่งบอลตุงตาข่ายเข้าไป

ท้ายครึ่งแรก แอลจีเรีย เกือบได้อีกลูกจากจังหวะจ่ายบอลพลาดของกองหลังไอวอรี่ โคสต์ ริยาด มาห์เรซ ตัดได้ก่อนโยกเข้าในแล้วยิง ทว่ามีตัวมาพุ่งบล็อกได้หวุดหวิด จากนั้นไอวอรี่ โคสต์ ได้ลุ้นบ้างเมื่อ วิลฟรีด ซาฮา จ่ายให้ มักซ์ กราเดล กดเต็มข้อแต่ติดเซฟของ ราอีส เอ็มโบลี่ นายทวารแอลจีเรียทำให้จบครึ่งแรก แอลจีเรีย นำ 1-0 

ครึ่งหลังนาที 48 แอลจีเรียพลาดโอกาสทำประตูหนีห่างอย่างน่าเสียดายเมื่อได้จุดโทษในจังหวะที่ แบ็กแดด บูเน็ดชาห์ โดน ซิลแว็ง โบนูโอ ทำฟาวล์ ทว่า แบ็กแดด บูเน็ดชาห์ ซัดบอลไปชนคานออกหลังไป 

จากนั้น ไอวอรี่ โคสต์ ได้โต้กลับและจบด้วยการยิงด้วยซ้ายในเขตโทษของ โชนาต็อง ค็อดเชีย บอลไปชนสามเหลี่ยมก่อนปลิ้นออกหลังอย่างน่าเสียดาย

ไอวอรี่ โคสต์ มาตามตีเสมอ 1-1 จนได้จากจังหวะโต้กลับ ซาฮา จ่ายออกขวาให้ ค็อดเชีย แตะหนีตัวประกบเข้าในแล้วจี้เข้าเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดยอด 

นาที 68 แอลจีเรีย เกือบนำอีกครั้งเมื่อ มาห์เรซ หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาในเขตโทษ บอลผ่านมือนายทวารไปแล้ว แต่ มามาดู บากาโยโก้ สไลด์เหยียดขาเคลียร์ทิ้งได้เหลือเชื่อก่อนที่บอลจะข้ามเส้นประตู 

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีฝ่ายใดทำประตูชนะได้ทำให้ต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีซึ่งก็ยังไร้สกอร์อีก สุดท้ายต้องดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะซึ่งปรากฎว่า แอลจีเรีย ยิงได้แม่นยำกว่าชนะไป 4-3 ทำให้ได้ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปพบกับทีมชาติไนจีเรียต่อไป โดย 2 คนของไอวอรี่ โคสต์ ที่ยิงพลาดคือ วิลฟรีด โบนี่ และ เซอเรย์ ดีเย่ 2 ผู้เล่นจอมเก๋าของทีม