1.หลังจบการแข่งขันที่ แมนฯ ซิตี้ คว้าชัย 2-1 ก็มีการร้องรำทำเพลง เปิดดนตรีเสียงดังกระหึ่มซึ่งก็สนั่นพอจะให้อีกฟากของล็อคเกอร์รูมที่พวก แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งหน้าสลดกำลังว๊ากกันอยู่สร้างความไม่พอใจต่อผจก.ทีม โชเซ่ มูรินโญ่ ถึงขนาดวิ่งมาจากฝั่งตัวเอง เข้าไปต่อว่า 'แข้งเรือใบ' ว่าไร้มารยาท ไม่ให้เกียรติคู่แข่ง 

2. เอแดร์ซอน นายด่านของ ซิตี้ เห็นเช่นนั้นจึงปะทะคารมด่าทอกันกับ มูรินโญ่ ทั้งเป็นภาษาโปรตุกีสและอังกฤษ 

3. ซึ่งระหว่างที่ทั้งคู่ด่าทอกัน ก็มีมือมืดสาดน้ำใส่  โชเซ่ มูรินโญ่ รวมถึงขวดพลาสติกปลิวมาที่ศีรษะ ซึ่งจากนั้นกุนซือวัย 54 กะรัตก็ดิ่งกลับมาที่ล็อคเกอร์รูมของตัวเอง โดยหนึ่งในสตาฟฟ์ 'ปีศาจแดง' ตะโกนลั่นห้องว่า "เฮ้ย!ลูกพี่เราโดนปาขวดใส่โว้ย"

ภาพเหตุการณ์จากราฟฟิกของ เดลี่ เมล

จะว่าไปคนจุดชนวนก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่

เอแดร์ซอน แลกคารมกับกุนซือ ยูไนเต็ด

4.คนหัวร้อนอย่าง มาร์กอส โรโฮ เลือดขึ้นหน้าแทนเจ้านาย เดินถอดเสื้อออกจากห้องต้องแต่งตัวพร้อมกัปตัน อันโตนิโอ วาเลนเซีย จะไปขอคำอธิบายจากพวก ซิตี้ 

5.เมื่อมีหัวหมู่อีกสี่แข้ง ยูไนเต็ด ทั้ง อันเดร์ เอร์เรร่า, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แอ็กเซล ตวนเซเบ้ และ ลุ้ค ชอว์ ก็ตามติดออกไปเป็นลูกหาบ 

6.ด้านผู้เล่น 'เรือใบสีฟ้า' เหมือนรู้ว่าที่ มูรินโญ่ เข้ามาก่อกวนให้เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี ฐานะกัปตัน พร้อมด้วย แฟร์นานดินโญ่ และสตาฟฟ์ก็ออกมาเคลียร์กับก๊วนแข้ง 'ปีศาจแดง' บริเวณทางเดินในอุโมงค์ ซึ่งคุยกันอีท่าไหนไม่ทราบมีการแลกกำปั้น, เหวี่ยงศอก และปาขวดน้ำจนไปถูกศรีษะ มีเกล อาร์เตต้า ทีมงาน 'ซิตี้' เลือดหัวออก

7.เท่านั้นเอง!ทั้งผู้เล่น-สตาฟฟ์ ทั้งสองฝั่งร่วม 30 คน ก็เข้าตะลุมบอนกันจนภาพใกล้เคียงรักบี้สกรัม ยื้อยุดฉุดกระฉากบ้างอาศัยมั่วนิ่มเหวี่ยงหมัด

8. ไมเคิ่ล คาร์ริค กัปตันตัวจริงของ ยูไนเต็ด ซึ่งไม่ได้มีชื่อลงสนามฐานะอาวุโสสุดโผล่มาทีหลังต้องตะโกนบอกให้หยุดเหตุการณ์ โดยเขาตะโกนใส่แข้ง ซิตี้ ว่า "พวกมึงไม่ให้เกียรติกันเลย" แล้วก็ต้อนน้องๆกลับเข้าห้องแต่งตัว 

โรโฮ หัวแตกระหว่างเกมยังหัวร้อนไปหาเรื่องต่อยตี


แข้ง ซิตี้ ก็ฉลองเกินงามจนเป็นเรื่อง

กระทั่งล่าสุด เอฟเอ สั่งสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอความร่วมมือจาก สถานีตำรวจแห่งภูมิภาคแมนเชสเตอร์ใหญ่ ให้รวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานจากความวุ่นวายเมื่อวันอาทิตย์

โดยในการซ้อมล่าสุดวานนี้ (จันทร์ที่ 11 ธ.ค.) ผู้เล่นรายหนึ่งของ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กับ 'เดลี่ เมล' ว่า "พวกนั้นมันไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย" แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อเริ่ม " ซิตี้ ฉลองยังกะได้แชมป์ลีก พวกเขาเล่นดีและสมควรชนะ ทว่าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องดูหมิ่นคู่แข่งเช่นนี้"  

อาร์เตต้า (ขวา) มือป้องหน้าชัดเจนว่าคงแตกจากพิษขวดบิน

เหตุการณ์ฉาวในห้องแต่งตัวหลังจบเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด  ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมี 'คดีปาพิซซ่า' ที่แข้งแมนฯ ยูไนเต็ดมีเรื่องกับอาร์เซน่อลในปี 2004 

ก่อนลงเอยด้วยการที่ เซอร์ เฟอร์กูสัน โดนผู้เล่นปืนโตปาพิซซ่าใส่หน้าอย่างจังซึ่งในเวลาต่อมา เชส ฟาเบรกาส ได้ออกมาสารภาพว่าเป็นคนลงมือร่อนพิซซ่าเอง