เมซุต โอซิล ผู้เล่นหัวการเมืองของ อาร์เซน่อล จะทำงานเพื่อสังคมนอกฟลอร์หญ้าอีกครั้ง โดยหนนี้เป้าหมายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแก่ชาวมุสลิมซึ่งถูกปฏิบัติอย่างประชากรชั้นสองในบางพื้นที่ โดยรูปการขับเคลื่อนเอาตัวอย่างจากแคมเปญ - ชีวิตคนดำก็มีค่า - ในสหรัฐฯ
กระแสร้องความเท่าเทียมของสังคมอเมริกันถูกจุดขึ้นหลังเหตุเสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายผิวดำชื่อ จอร์จ ฟลอยด์
ซึ่งภาพที่ปรากฏทางโซเชี่ยล มีเดีย พบว่าทำเกินกว่าเหตุเพราะจับนอนราบพื้นถนน เอาเข่ากดซอกคอจนขาดอากาศหายใจ
การประท้วงเกิดขึ้นตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ, สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแบบเกาะติด และส่งผลให้มีการแสดงออกแบบนี้เช่นเดียวในทวีปยุโรปเช่นในฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร
ฐานะผู้เฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างประเทศ โอซิล มองว่าสังคมยุคปัจจุบันยอมรับความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากเป็นปากเสียงแทนพี่-น้องมุสลิมบ้าง
"ตลอดมาผมทุ่มเททุกอย่างให้ อาร์เซน่อล ทั้งในและนอกสนามแข่ง แต่ผลตอบรับที่ได้มาช่างน่าผิดหวัง" กองกลางวัย 31 ปี บ่นน้อยใจกับ 'ดิ แอธเลติค ยูเค'
https://twitter.com/TheAthleticUK/status/1293798187749310464
โอซิล เจ้าของฉายา สายล่อฟ้า
"พวกเขา (สโมสร) บอกว่าไม่อยากมีเอี่ยวกับประเด็นการเมืองใดๆ แต่ก็เพราะการเมืองไม่ใช่หรือ?ที่ไปเอี่ยวกับปัญหาสารพันบนโลก"
"ยกตัวอย่างที่สหรัฐฯ เราเห็นการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ จนทั้งโลกร่วมรณรงค์แคมเปญ - ชีวิตคนดำก็มีค่า - นั่นคือเรื่องถูกต้อง เราทุกคนเสมอภาค ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่คนตัวเล็กๆออกมาสู้กับความอยุติธรรม"
"เพราะในวงการฟุตบอลนักเตะดำเพียบ แล้วแฟนบอล อาร์เซน่อล ก็ทำตัวน่ารักหนุนหลังพวกเขาเหล่านั้นเสมอ"
"ทั้งนี้ผมก็หวังจะได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นกับคนมุสลิม เพราะทีม 'ปืนใหญ่' เราคนนับถืออิสลามไม่น้อย ทั้งผู้เล่น-แฟนบอล ก็ด้วย"
"ดังนั้นมันจะเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญหากมีคนออกมาพูดถึงแคมเปญ - ชีวิตมุสลิมก็มีค่า - "
เพราะแข้งเชื้อสายดอยช์-เติร์ก ชอบแตะประเด็นละเอียดอ่อนแบบนี้จึงโดนบอร์ดบริหารบีบให้ย้ายออก เนื่องจากปีก่อนแสดงความเห็นวิจารณ์รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อเหตุปราบปรามชาวมุสลิมที่ปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์
เป็นเหตุให้สโมสรถูกแบนการเสนอข่าวและจำหน่ายสินค้าที่ระลึกบนแผ่นดินมังกรสูญรายได้มหาศาล
